ถ้าพูดถึง ของเล่นหรือตุ๊กตาที่เด็กผู้หญิงชอบมากอีกตัวคือ มายลิตเติ้ลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษ เป็นการ์ตูนจากแฟนตาซีสำหรับเด็กสหรัฐอเมริกา สร้างโดย ลอเร็น ฟอสต์ สำหรับ บริษัทฮาสโบร มีต้นแบบมาจากของแฟรนไชส์ของเล่นมายลิตเติ้ลโพนี่ ผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่าเป็น รุ่นที่ 4 (G4) ของแฟรนไชส์ เริ่มออกอากาศทาง ฮับ เน็คเวิร์ค ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ฮาสโบรแต่งตั้งให้ ลอเร็น ฟอสต์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟและโปรดิวเซอร์ ฟอสต์ได้ขอจัดสร้างซีรีส์นี้ให้เปลี่ยนจากการ์ตูนขายของเล่นเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและการผจญภัยมากขึ้น เธอออกจากการเป็นผู้ผลิตซีรีส์นี้ภายหลังฤดูกาลที่ 2 สิ้นสุดลง ซึ่งตำแหน่งถูกแทนทีโดย เมแกน มักคาร์ที

ซีรีส์ดำเนินเนื้อเรื่องจากยูนิคอร์นขยันเรียน ทไวไลท์ สปาร์คเคิล ที่ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของเธอ เจ้าหญิงเซเลสเทรีย ให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องมิตรภาพที่โพนี่วิลล์ ทไวไลท์กลายเป็นเพื่อนสนิทกับโพนี่สาว 5 ตัวคือ แอปเปิ้ลแจ๊ค,แรริตี้,ฟลัทเตอร์ชาย,เรนโบว์ แดช,พิงกี้พาย พวกเธอได้แสดงออกถึงมิตรภาพที่ต่างกัน และทไวไลท์ได้ค้นพบว่ามิตรภาพของพวกเธอคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนพบเครื่องรางเวทมนตร์ที่ชื่อ “ธาตุแห่งความปรองดอง” นับแต่นั้นพวกเธอได้ออกผจญภัยและช่วยเหลือเอเควสเทรียให้รอดพ้นจากภัยอันตรายและพัฒนามิตรภาพของพวกเธอ
ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล กลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ ฮับ เน็คเวิร์ค มีผลิตภัณฑ์จากฮาสโบร ที่อิงจากซีรีส์นี้ออกมาอีกมากมาย เช่น หนังสือ, เสื้อผ้า, การ์ดสะสม, และคอมมิค ถึงแม้ซีรีส์นี้จะผลิตขึ้นสำหรับกลุ่มเด็กผู้หญิง “เฟรนด์ชิพ อิส เมจิค” สามารถสร้างกลุ่มคนดูที่เป็นผู้ชายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ที่เรียกกันว่า “โบรนี่” บางส่วนของซีรีส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม รวมถึงกลายเป็นอีกส่วนหนึ่งของอินเทอร์เน็ตมีม

ณ ปัจจุบัน ซีรีส์มียอดออกอากาศ 9 ฤดูกาล และมีซีรีส์ภาพยนตร์สปิน-ออฟ ชื่อ “มายลิตเติ้ลโพนี่ เอเควสเทรียเกิร์ล” เริ่มเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ ค.ศ. 2013 ซึ่งภายหลังได้เผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์และสื่อโทรทัศน์ จะมีภาพยนตร์ที่นำโครงเรื่องมาจากซีรีส์นี้ในชื่อ “My Little Pony: The Movie” ออกฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกในวันที่ 5 และ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2017

เนื้อเรื่อง
กาลครั้งหนึ่งในดินแดนแห่งเวทมนตร์ “เอเควสเทรีย” (Equestria) มีเจ้าหญิง 2 คน (ตัว) ร่วมกันปกครองและสร้างมิตรภาพ เพื่อการนั้นผู้พี่ได้ใช้พลังแห่งยูนิคอร์น (Unicorn) นำพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ผู้น้องนำพระจันทร์ขึ้นยามราตรี ทั้งสองสร้างความสมดุลให้กับโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้น้องเกิดความแคลงใจที่เหล่าโพนี่ (Pony) เล่นและเริงร่าในยามกลางวันของผู้พี่แต่หลับไหลในยามราตรีของผู้น้อง แม้ผู้พี่พยายามอธิบายให้ผู้น้องได้เข้าใจ แต่ด้วยความแคลงใจที่มีอยู่ในใจของผู้น้อง ได้เปลี่ยนให้ผู้น้องกลายเป็นเงาแห่งความชั่วร้าย “ไนท์แมร์มูน” (Nightmaremoon) เธอกล่าวว่าเธอจะทำให็ดินแดนตกอยู่ในราตรีอันเป็นนิรันด์ แต่ผู้พี่ได้ใช้พลังสูงสุดที่เหล่าโพนี่รู้จัก “ศิลาแห่งความสามัคคี” (The Element of Harmony) เธอได้ใช้พลังของศิลาแห่งความสามัคคีกำจัดผู้น้องและเนรเทศผู้น้องไปยังดวงจันทร์ นับตั้งแต่นั้นมาผู้พี่ก็ได้รับหน้าที่ในการนำทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้น และเอเควสเทรียก็กลับมาสงบสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา… แต่มีคำทำนายกล่าวไว้ว่า เมื่อเวลาผ่านไป 1,000 ปี เหล่าดวงดาวจะช่วยให้ “ไนท์แมร์มูน” กลับมาและทำให้ดินแดนตกอยู่ในความมือของราตรีอีกครั้ง “ทไวไลท์ สปาร์คเคิล” (Twilight Sparkle) ยูนิคอร์นผู้รอบรู้ ฉลาด และหมกตัวอยู่กับการเรียนและหนังสือได้รู้ถึงคำทำนายนี้จึงได้ส่งคำเตือนไปยังผู้เป็นอาจารย์ของตนและเป็นผู้ปกครองเอเควสเทรีย “เจ้าหญิงเซเลสเทีย” (Princess Celestia) แต่เจ้าหญิงเซเลสเทียตอบกลับว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระและบอกให้ทไวไลท์หยุดอ่านนิทานปรัมปราได้แล้ว และทำการส่งเธอไปยัง “โพนี่วิลล์” (Ponyville) เพื่อให้เธอไปจัดการกับงาน “เทศกาลซัมเมอร์ซัน” (Summersun Celebretion) พร้อมกับการกาเพื่อนใหม่ เมื่อทไวไลท์ไปถึงเธอได้พบกับ “พิงค์กี้พาย” (Pinkie Pie) แต่เธอก็ตกใจที่พบทไวไลท์และวิ่งหนีหายไป จากนั้นทไวไลท์ได้เดินทางไปต่อยัง “สวีทแอปเปิ้ล เอเคอร์” (Sweet Apple Acer) และได้พบกับ “แอปเปิ้ลแจ็ค” (Applejack) เพื่อตรวจสอบอาหารและได้พบกับครอบครัวแอปเปิ้ล (Apple Family) จากนั้นทไวไลท์ก็ได้ไปตรวจสอบการจัดการสภาพอากาศและได้พบกับ “เรนโบว์แดช” (Rainbow Dash) หลังจากที่ได้คุยกันเล็กน้อยและทำความรู้จักกันนิดหน่อยและเรนโบว์แดชก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามรถในการบินของเธอ จากนั้นเธอได้ไปที่ศาลากลางและตรวจความเรียบร้อยของการตกแต่งและได้พบกับ “แรร์ริตี้” (Rarity) และเธอได้พาทไวไลท์ไปแต่งหน้าทำผมใหม่ (เพราะฝีมือ (เท้า) ของเรนโบว์แดช) จากนั้นเธอได้ไปพบ “ฟลัตเทอร์ชาย” (Fluttershy) ที่กำลังฝึกซ้อมนกให้ร้องเพลงอยู่ และได้คุยกันเล็กน้อยและพอฟลัตเทอร์ชายได้พบ “สไปค์” (Spike) มังกรน้อยเพื่อนของทไวไลท์ที่ตามทไวไลท์ตั้งแต่แรก จนฟลัตเทอร์ชายได้คุยกับทไวไลท์จนกระทั่งทั้งสามมาถึง “ห้องสมุดโกลเด้นโอ๊ก” (Golden Oak Library) และได้พบพิงค์กี้พายที่ได้พบตอนมาถึงโพนี่วิลล์ จัดปาร์ตี้เอาไว้ให้พร้อมกับเหล่าผองเพื่อนโพนี่อีกมากมาย แต่เธอก็ได้ปฏิเสธที่จะสร้างความสัมพันธ์กับโพนี่ตัวอื่นๆ จนกระทั่งเช้ามืดของวันงานเทศกาลซัมเมอร์ซัน โพนี่ทุกตัวได้ไปรวมตัวกัน ณ ศาลากลางเมืองเพื่อตั้งตารอการนำดวงอาทิตย์ขึ้นของเจ้าหญิงเซเลสเทีย แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา เจ้าหญิงกลับหายตัวไปและได้ปรากฏตัว ไนท์แมร์มูนขึ้นมาแทน ต่อมาทไวไลท์และผองเพื่อนทั้ง 5 ที่พบกับในเมืองได้ร่วมเดินทางตามหา “ศิลาแห่งความสามัคคีทั้ง 5” ณ ปราสาทแห่งสองพี่น้อง (The Castle of the Two Sister) หรือก็คือป่าเอเวอร์ฟรี (Everfree Forest) ระหว่างเดินทางไปนั้นได้เกิดเรื่องต่างๆขึ้นแต่ก็ได้ผ่านไปด้วยดี (สามารถติดตามดูรายละเอียดต่างๆได้ใน My Little Pony : Friendship is Magic Season 1 Episode 2) จนถึงปราสาทแห่งสองพี่น้อง และได้เจอศิลาแห่งความสามัคคีทั้งห้าพร้อมกับไนท์แมร์มูน แต่ไนท์แมร์มูนก็ได้ทำให้ศิลาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายทไวไลท์และเพื่อนๆของเธอได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งศิลาแห่งความสามัคคี และได้ปรากฏสิลาแห่งความสามัคคีชิ้นที่ 6 ขึ้นและได้เกิดเป็นพลังสายรุ้งขึ้นมาทำลายไนท์แมร์มูน เรื่องราวทุกอย่างได้จบลงและทันใดนั้น เจ้าหญิงเซเลสเทีย ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับการนำดวงอาทิตย์ขึ้นและได้บอกกล่าวเรื่องราวและเหตุผลต่างๆ และทั้งหมดก็ได้พบกับ “เจ้าหญิงลูน่า” (Princess Luna) ผู้เป็นน้องสาวของเจ้าหญิงเซเลสเทียที่ได้เคยกลายเป็นไนท์แมร์มูน และทุกอย่างก็จบลงและทไวไลท์จะได้กลับไปยัง “แคนเทอร์ล็อต” (Canterlot) แต่ทไวไลท์ก็ได้บอกกลับไปว่าตนอยากอยู่ที่โพนี่วิลล์กับ “เพื่อนๆ” ของเธอ และจากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ปกติและโพนี่ทุกตัวก็ใช้ชีวิตตามเดิมอย่างมีความสุข