การเล่น เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว การเล่นกับลูก จะช่วยเสริมสร้างทักษะและจินตนาการของลูกได้ พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ เช่น ชวนลูกเล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนหา พาไปสนามเด็กเล่น ฯลฯ
การซื้อของเล่นให้ลูก ก็ช่วยฝึกพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นประสาทสัมผัส ได้เช่นกัน ของเล่นที่ดี ควรปลอดภัยจากสารพิษ ทนทาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายเด็ก ช่วยให้เด็กเล่นได้หลากหลาย
ลูกชาย ลูกสาว ควรเล่นอะไรดี
พ่อแม่อาจต้องครุ่นคิดกันหน่อยว่าจะซื้ออะไรให้ลูก ๆ เล่นดี ของเล่นไหนจะช่วยสร้างเสริมพัฒนาการได้ดีที่สุด แต่พอไปสำรวจที่ร้านขายของเล่น ก็จะพบว่าของเล่นในท้องตลาดมีการแบ่งเพศด้วย
โดยของเล่นที่มักให้เด็กผู้ชายเล่น เช่น รถยนต์ของเล่น หรือยานพาหนะแบบต่างๆ ลูกฟุตบอล ดาบของเล่น ตุ๊กตาทหาร หุ่นยนต์ ซูเปอร์ฮีโร่ ฯลฯ ส่วนของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง เช่น ตุ๊กตาบาร์บี้ ตุ๊กตาเจ้าหญิง สร้อยคอ แหวนพลาสติก ชุดของเล่นทำกับข้าว ชุดน้ำชา ชุดเล่นแต่งหน้า ฯลฯ
ของเล่นที่มีการแบ่งเพศ เป็นการสร้างความรู้และทักษะของเด็กที่ต่างกัน เด็กชายจะสนใจเรื่องเครื่องยนต์กลไก วิทยาศาสตร์ เพราะได้เล่นของเล่นที่เป็นรถยนต์ยานพาหนะ แต่เด็กหญิงสนใจเรื่องความสวยความงาม การเข้าสังคม การเลี้ยงดูเด็ก เพราะของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง สอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักการแต่งตัว ทักษะการพูดคุย
เวลาซื้อของเล่นให้ลูก พ่อแม่อาจคิดว่าในเมื่อเรามีลูกชาย อย่างนั้นก็ซื้อหุ่นยนต์ให้ ถ้าเป็นลูกสาวก็ซื้อตุ๊กตาก็แล้วกัน ที่จริงแล้ว พ่อแม่กำลังตกอยู่ในกรอบทางเพศที่ถูกสั่งสอนกันมาอยู่ และทำให้ลูกต้องตกอยู่ในบทบาททางเพศแบบที่สังคมคาดหวังตามไปด้วย
กรอบทางเพศ คืออะไร?
“เด็กผู้ชาย สีฟ้า เด็กผู้หญิง สีชมพู”
ความคิดนี้ทุกคนคุ้นเคยกันดี เพราะของใช้ของเด็กชายมักจะเป็นสีฟ้า ของใช้เด็กหญิงก็มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ขวดนม ผ้าอ้อม การตกแต่งห้อง ฯลฯ
คนที่กำหนดสิ่งเหล่านี้คือสังคม ที่สร้างภาพเหมารวมว่าผู้ชายต้องเป็นแบบนี้ ผู้หญิงต้องเป็นแบบนั้น ถึงจะถูกต้อง เด็กจะซึมซับเรื่องบทบาททางเพศจากการเลี้ยงดู การเรียนการสอนจากครู สื่อต่าง ๆ ทั้งหนัง ละคร โฆษณา นวนิยาย นิทาน หรือแม้แต่ของเล่นเองก็ตาม เป็นตัวปลูกฝังบทบาทหน้าที่ทางเพศของตน และสร้างความเข้าใจว่าเมื่อตนเองมีเพศนี้ ก็ต้องมีบทบาทแบบนี้
กรอบความเชื่อทางเพศที่เด็กซึมซับมา กลายเป็นการปิดกั้นโอกาสของเด็ก ที่สำคัญ ได้แก่
เชื่อว่า ตัวเองไม่เก่ง ไม่ถนัดเรื่องนี้ เพราะเป็นเพศนี้ ถ้าลูกสาวมาบอกว่าอยากเป็นวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ พ่อแม่คงตกใจ และคิดว่าจะเรียนสู้ผู้ชายได้หรือ หรือถ้าลูกชายบอกว่าอยากเย็บปักถักร้อย พ่อแม่คงห้าม เพราะเด็กผู้ชายไม่ควรเย็บผ้า เพราะเป็นงานผู้หญิง
เชื่อว่า ตัวเองมีหน้าที่แบบนี้ เพราะเป็นเพศนี้ เช่น พ่อแม่คาดหวังว่าลูกสาวต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้เป็น อนาคตออกเรือนจะได้ทำให้สามีและลูกกิน ส่วนลูกชาย ต้องหาเงินเข้าบ้าน เป็นเสาหลักครอบครัว
เชื่อว่า ตัวเองต้องมีคุณลักษณะแบบนี้ เพราะเป็นเพศนี้ ผู้หญิง ต้องอ่อนแอกว่าผู้ชาย ต้องให้ผู้ชายปกป้อง ต้องมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น อ่อนโยน แสดงอารมณ์ได้ ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ขณะที่ผู้ชาย ต้องเข้มแข็ง ห้ามร้องไห้ ต้องเป็นคนตัดสินใจ มีความเด็ดขาด เป็นผู้นำ
กรอบทางเพศเหล่านี้ ปิดกั้นโอกาสการเติบโตและความก้าวหน้าของเด็ก ทำให้เสียโอกาสที่จะเรียนรู้ทักษะชีวิตอย่างรอบด้าน ไม่สามารถพัฒนาสิ่งที่ตัวเองมีความถนัด หรือมีความสนใจ
ลูกต้องได้เล่นทุกอย่าง
พ่อแม่ยุคใหม่มีแนวคิดในการเลี้ยงลูกว่า “Let Toys be Toys” ให้ของเล่นเป็นแค่ของเล่น ไม่ต้องมากำหนดบทบาทหน้าที่เรื่องเพศให้กับเด็ก แต่ทำหน้าที่อย่างที่ของเล่นควรจะเป็น คือ พัฒนาทักษะรอบด้าน ส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
ปัจจุบัน มีร้านขายของเล่น รวมถึงบริษัทของเล่นหลายแห่งในต่างประเทศ ไม่แบ่งแยกของเล่นเด็กชายเด็กหญิง ไม่มีการติดป้ายที่สินค้าแล้วว่าสำหรับเด็กชายเด็กหญิง เท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้เด็กทุกเพศได้เล่นของเล่นตามที่ตนเองชอบ
ข้อดีของการเล่นของเล่นโดยไม่จำกัดเพศ คือช่วยให้เด็กเข้าใจเรื่องบทบาททางเพศ ที่ไม่จำเป็นต้องตายตัว และเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะรอบด้าน มีคุณสมบัติที่ดีอยู่ในตัวได้อย่างเต็มที่ สามารถจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง
เมื่อเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตา ก็จะเข้าใจว่าผู้ชายหรือพ่อสามารถเป็นผู้เลี้ยงดูลูกได้ มีความอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้ เป็นคุณครูหรือพยาบาลทำหน้าที่ดูแลเด็กก็ได้
เมื่อเด็กผู้หญิงเล่นรถยนต์ ก็จะเข้าใจได้ว่ารถยนต์เคลื่อนไหวอย่างไร และเรียนรู้ว่าผู้หญิงก็สามารถสนใจวิทยาศาสตร์ เรียนรู้เรื่องฟันเฟืองเครื่องยนต์ได้ดี เพื่อจะโตเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรที่มีความสามารถ
เด็กได้เติบโตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมีเรื่องเพศมาเป็นข้อจำกัด
ที่มา :
ภาษาไทย
คู่มือสำหรับพ่อแม่ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแลและพัฒนาเด็ก ตอน วัยเด็กเล็ก 0-3 ปี, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย.
ความเสมอภาค คือ ความสุข, สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.
คู่มือข้อแนะนำกิจกรรมทางกายและการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของเด็ก สำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย, กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, 2561