รู้จัก “PlanToys” แบรนด์ของเล่นจากไม้ยางพาราที่ให้เด็กๆ เล่นสนุกได้แบบรักษ์โลก

นับเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) แบรนด์ของเล่นไม้ฝีมือคนไทยได้เริ่มลงมือผลิตของเล่นชิ้นแรกขึ้นใต้แนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ของเล่นทั่วไป ณ เวลานั้น คือการผลิตของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเล่นสนุกได้โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ PlanToys เป็นมากกว่าแบรนด์ของเล่นทั่วไป

“เล่นแบบรักษ์โลก”
หากเปรียบเป็นตัวบุคคล ปีนี้ PlanToys เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ย้อนกลับไปในปี 2524 แบรนด์ของเล่นเล็กๆ แบรนด์หนึ่งก่อตั้งขึ้นจากจุดมุ่งหมายเดียวกันของกลุ่มคนจากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อยากทำธุรกิจเพื่อให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้
“แปลนทอยส์เริ่มมาจากการที่ผู้ก่อตั้งอยากทำอะไรดีๆ คืนให้แก่สังคม” คุณโกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จำกัด เล่าถึงที่มาของแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ
“ธุรกิจแรกของเราคือการเปิดโรงเรียนอนุบาลในเครือรักลูก (ปัจจุบันคือโรงเรียนรุ่งอรุณ) เมื่อเรามีโรงเรียนแล้ว ก็คิดต่อไปอีกว่า เราน่าจะออกแบบสื่อการเรียนการสอนอย่างพวกของเล่นได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มทำของเล่นขึ้นมาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่ว่าของเล่นของเราต้องไม่เบียดเบียดสิ่งแวดล้อม
“ประจวบกับในตอนนั้น ภาคใต้ของเรามีธุรกิจทำไม้ยางพาราเยอะมากครับ เราคิดว่าน่าจะลองหยิบวัสดุท้องถิ่นมาใช้ แปลนทอยส์จึงเป็นแบรนด์แรกของโลกที่นำไม้ยางพาราเหลือใช้จากอุตสาหกรรมยางมารีไซเคิลทำเป็นของเล่น เพราะในความเป็นจริง เมื่อต้นยางอายุ 25 ปีจะไม่สามารถผลิตน้ำยางได้อีก ต้องตัดโค่นทิ้งเพื่อปลูกใหม่ เราจึงนำไม้ยางมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ”
นอกจากนี้ PlanToys ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) อย่างเต็มเปี่ยม ทุกขั้นตอนของการทำของเล่นแต่ละชิ้นล้วนผ่านกระบวนการคิดอย่างละเอียดลออ ไม่ว่าจะเป็นการนำไม้ผ่านความร้อนจากเตาเผาเพื่อขจัดความชื้นของไม้โดยไม่ใช้สารเคมี ใช้กาว e-Zero ที่ผ่านการรับรองว่าไม่เป็นอันตราย ใช้ผงสีออร์แกนิกที่ปลอดภัยต่อเด็กๆ รวมถึงใช้น้ำหมึกจากต้นพืชสำหรับงานพิมพ์ที่สามารถย่อยสลายได้ดีกว่าหมึกธรรมดาจนมาเป็นของเล่นสุดรักของเด็กๆ ในหลายประเทศทั่วโลก

“เล่นสนุกอย่างสมวัย”
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ PlanToys คือการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ ของเล่นทุกชิ้นต้องปลอดภัยและส่งเสริมพัฒนาทางร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ผ่านการดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่ฉูดฉาด ในขณะเดียวกันก็มีความร่วมสมัย หยิบจับมาเล่นเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ
“จุดเด่นของเราคือการดีไซน์ที่เน้นเรื่อง Simplicity เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนครับ เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นคาแรกเตอร์ เน้นความเรียบง่ายแต่โมเดิร์น รวมถึงไม่นำเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้เลย เพราะเราเชื่อในเรื่องพัฒนาการ อยากให้เด็กๆ ใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องชี้นำ”
ของเล่นทุกคอลเลคชันจึงสื่อสารออกมาได้อย่างเรียบง่ายและเหมาะกับเด็กๆ แต่ละช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ 6 ขวบ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ อาทิ เด็กเล็กช่วงอายุ 0-6 เดือนเหมาะกับของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็น การเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อ กระตุ้นประสาทสัมผัส อย่าง “กุญแจกุ๊งกิ๊ง” พวงกุญแจแสนสนุกที่จะเกิดเสียงเมื่อกระทบกัน หรือจะเป็น “ของเล่นไม้ทรงกลมพัฒนาการด้านประสาทสัมผัส” ชุดของเล่นไม้หน้าตาใจดีเหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส และช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กได้ ส่วนน้องๆ ที่โตกว่านั้นก็มีชุดทำคัพเค้ก,บ้านตุ๊กตา,กล่องเคาะจังหวะ,ชุดกระเป๋าคุณหมอ ฯลฯ ที่จะมาช่วยเติมเต็มจินตนาการได้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่เราสัมผัสได้คือในยุคนี้ คุณพ่อคุณแม่หันมาให้ความสำคัญกับของเล่นไม้มากขึ้น อย่างเมื่อ 5 ปีก่อนเราพบว่าเทรนด์สีพาสเทลกำลังมา เลยลองออกแบบของเล่นที่มีความ Decorative มีสีพาสเทลนิดๆ ปรากฏว่าขายดีมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่เองก็อยากได้ของเล่นที่กลมกลืนไปกับบ้านด้วย ส่วนในปีที่แล้วเราออกคอลเลคชั่นสีออร์ชาร์ด ซึ่งได้การตอบรับที่ดีเช่นกันครับ ตอนนี้เราจึงพยายามนำเทรนด์เข้ามาประยุกต์ในการออกแบบด้วย”

“เล่นอย่างยั่งยืน”
จริงอยู่ที่ PlanToys นั้นเดินทางโลดแล่นไปในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปและอเมริกา แต่ในฐานะของผู้ผลิตของเล่นฝีมือคนไทย สิ่งที่เป็นหมุดหมายสำคัญของพวกเขาที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปคือการอยากเห็นเด็กไทยได้เข้าถึงของเล่นดีๆ ได้อย่างเท่าเทียม
“ก่อนหน้านี้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา พอกลับมาที่ไทยก็เริ่มคิดว่า ทำไมคนไทยเองยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเล่นเท่าที่ควร หรือว่าที่จริงแล้วยังเข้าไปไม่ถึงผู้บริโภคกันแน่ เราก็เลยเริ่มสำรวจ และเริ่มทำนิทรรศการร่วมกับจุฬาฯ เนรมิตพื้นที่ให้เป็นกลายเป็นป่าแหงการเล่น ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ด้วยความที่เราเป็นบริษัท Eco-friendly อยู่แล้ว เลยลองให้ดีไซเนอร์ไปอยู่ที่โรงงาน 2 อาทิตย์ ให้เขาไปดูว่าเรายังมีเศษวัสดุในโรงงานชิ้นไหนที่ไม่ได้ใช้แล้วสามารถนำมาทำเป็นของเล่นได้บ้าง ซึ่งนิทรรศการครั้งนั้นได้รับการตอบรับที่ดีมาก

“หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมาอีกหลายที่ครับ แต่เรายังไม่พร้อมด้วยหลายปัจจัย จนท้ายที่สุด เราตัดสินใจทำพื้นที่ของโรงเรียนอนุบาลเก่าให้เป็นพื้นที่แห่งการเล่น มีทั้งหมด 3 ชั้น เปิดได้เพียงปีกว่าก็เจอกับโควิด-19 จึงต้องปิดตัวชั่วคราว ทางทีมเลยคิดกันว่าในเมื่อเด็กๆ มาหาเราไม่ได้ เราออกไปหาเด็กๆ เองดีกว่า เกิดเป็น Toy Library เรานำของเล่นประมาณ 400 ชิ้นมาจัดเป็นเซ็ตให้เด็กๆ ได้ยืมเล่น จนเมื่อเจอกับโควิดรอบที่สองก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีภาคี ซึ่ง TK Park เองมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์ความรู้เรื่องหนังสืออยู่แล้ว ทางทีมก็เลยได้ชักชวนไป เป็นที่มาของการทำโปรเจกต์นี้ร่วมกัน”
สิ่งที่เด็กๆ จะได้จาก Toy Library คือการได้ยืมของเล่นควบคู่กับหนังสือที่เหมาะกับของชิ้นนั้นผ่านระบบสมาชิก ซึ่งในแต่ละเซ็ตถูกออกแบบและดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการเด็ก พร้อมด้วยคู่มือเล็กๆ ประกอบการเล่นเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ร่วมสนุกไปด้วย
ก่อนจบบทสนทนา เราถามถึงความคาดหวังต่อจากนี้ในฐานะคนทำของเล่น คุณโกสินทร์ทิ้งท้ายไว้ว่าเขาและทีมงานยังมีภาพใหญ่ที่อยากทำให้สำเร็จในเร็ววัน
“ก่อนหน้านี้เรามีความคิดอยากทำ Play Space ให้เด็กๆ ทั่วประเทศได้มาเล่น อาจย้ายไปเรื่อยๆ ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งทาง TK Park เองก็มีศักยภาพและมีเครือข่ายตามต่างจังหวัดอยู่แล้ว เราคิดว่าถ้าโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ ในอนาคตเราน่าจะได้นำองค์ความรู้ในเรื่องการเล่นไปสู่เด็กไทยในชนบท เข้าไปในพื้นที่ที่เด็กๆ อาจจะไม่มีโอกาสเข้าถึงเหมือนคนเมืองบ้าง
“เพราะหน้าที่หลักของเด็กๆ คือการได้เล่นสนุก”

ลูกสาว-ลูกชาย เลือกของเล่นอย่างไรดี

การเล่น เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว การเล่นกับลูก จะช่วยเสริมสร้างทักษะและจินตนาการของลูกได้ พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ เช่น ชวนลูกเล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนหา พาไปสนามเด็กเล่น ฯลฯ

การซื้อของเล่นให้ลูก ก็ช่วยฝึกพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นประสาทสัมผัส ได้เช่นกัน ของเล่นที่ดี ควรปลอดภัยจากสารพิษ ทนทาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายเด็ก ช่วยให้เด็กเล่นได้หลากหลาย

ลูกชาย ลูกสาว ควรเล่นอะไรดี
พ่อแม่อาจต้องครุ่นคิดกันหน่อยว่าจะซื้ออะไรให้ลูก ๆ เล่นดี ของเล่นไหนจะช่วยสร้างเสริมพัฒนาการได้ดีที่สุด แต่พอไปสำรวจที่ร้านขายของเล่น ก็จะพบว่าของเล่นในท้องตลาดมีการแบ่งเพศด้วย

โดยของเล่นที่มักให้เด็กผู้ชายเล่น เช่น รถยนต์ของเล่น หรือยานพาหนะแบบต่างๆ ลูกฟุตบอล ดาบของเล่น ตุ๊กตาทหาร หุ่นยนต์ ซูเปอร์ฮีโร่ ฯลฯ ส่วนของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง เช่น ตุ๊กตาบาร์บี้ ตุ๊กตาเจ้าหญิง สร้อยคอ แหวนพลาสติก ชุดของเล่นทำกับข้าว ชุดน้ำชา ชุดเล่นแต่งหน้า ฯลฯ

ของเล่นที่มีการแบ่งเพศ เป็นการสร้างความรู้และทักษะของเด็กที่ต่างกัน เด็กชายจะสนใจเรื่องเครื่องยนต์กลไก วิทยาศาสตร์ เพราะได้เล่นของเล่นที่เป็นรถยนต์ยานพาหนะ แต่เด็กหญิงสนใจเรื่องความสวยความงาม การเข้าสังคม การเลี้ยงดูเด็ก เพราะของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง สอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักการแต่งตัว ทักษะการพูดคุย

เวลาซื้อของเล่นให้ลูก พ่อแม่อาจคิดว่าในเมื่อเรามีลูกชาย อย่างนั้นก็ซื้อหุ่นยนต์ให้ ถ้าเป็นลูกสาวก็ซื้อตุ๊กตาก็แล้วกัน ที่จริงแล้ว พ่อแม่กำลังตกอยู่ในกรอบทางเพศที่ถูกสั่งสอนกันมาอยู่ และทำให้ลูกต้องตกอยู่ในบทบาททางเพศแบบที่สังคมคาดหวังตามไปด้วย

กรอบทางเพศ คืออะไร?
“เด็กผู้ชาย สีฟ้า เด็กผู้หญิง สีชมพู”

ความคิดนี้ทุกคนคุ้นเคยกันดี เพราะของใช้ของเด็กชายมักจะเป็นสีฟ้า ของใช้เด็กหญิงก็มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ขวดนม ผ้าอ้อม การตกแต่งห้อง ฯลฯ

คนที่กำหนดสิ่งเหล่านี้คือสังคม ที่สร้างภาพเหมารวมว่าผู้ชายต้องเป็นแบบนี้ ผู้หญิงต้องเป็นแบบนั้น ถึงจะถูกต้อง เด็กจะซึมซับเรื่องบทบาททางเพศจากการเลี้ยงดู การเรียนการสอนจากครู สื่อต่าง ๆ ทั้งหนัง ละคร โฆษณา นวนิยาย นิทาน หรือแม้แต่ของเล่นเองก็ตาม เป็นตัวปลูกฝังบทบาทหน้าที่ทางเพศของตน และสร้างความเข้าใจว่าเมื่อตนเองมีเพศนี้ ก็ต้องมีบทบาทแบบนี้

กรอบความเชื่อทางเพศที่เด็กซึมซับมา กลายเป็นการปิดกั้นโอกาสของเด็ก ที่สำคัญ ได้แก่

เชื่อว่า ตัวเองไม่เก่ง ไม่ถนัดเรื่องนี้ เพราะเป็นเพศนี้ ถ้าลูกสาวมาบอกว่าอยากเป็นวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ พ่อแม่คงตกใจ และคิดว่าจะเรียนสู้ผู้ชายได้หรือ หรือถ้าลูกชายบอกว่าอยากเย็บปักถักร้อย พ่อแม่คงห้าม เพราะเด็กผู้ชายไม่ควรเย็บผ้า เพราะเป็นงานผู้หญิง

เชื่อว่า ตัวเองมีหน้าที่แบบนี้ เพราะเป็นเพศนี้ เช่น พ่อแม่คาดหวังว่าลูกสาวต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้เป็น อนาคตออกเรือนจะได้ทำให้สามีและลูกกิน ส่วนลูกชาย ต้องหาเงินเข้าบ้าน เป็นเสาหลักครอบครัว

เชื่อว่า ตัวเองต้องมีคุณลักษณะแบบนี้ เพราะเป็นเพศนี้ ผู้หญิง ต้องอ่อนแอกว่าผู้ชาย ต้องให้ผู้ชายปกป้อง ต้องมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น อ่อนโยน แสดงอารมณ์ได้ ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ขณะที่ผู้ชาย ต้องเข้มแข็ง ห้ามร้องไห้ ต้องเป็นคนตัดสินใจ มีความเด็ดขาด เป็นผู้นำ

กรอบทางเพศเหล่านี้ ปิดกั้นโอกาสการเติบโตและความก้าวหน้าของเด็ก ทำให้เสียโอกาสที่จะเรียนรู้ทักษะชีวิตอย่างรอบด้าน ไม่สามารถพัฒนาสิ่งที่ตัวเองมีความถนัด หรือมีความสนใจ

ลูกต้องได้เล่นทุกอย่าง
พ่อแม่ยุคใหม่มีแนวคิดในการเลี้ยงลูกว่า “Let Toys be Toys” ให้ของเล่นเป็นแค่ของเล่น ไม่ต้องมากำหนดบทบาทหน้าที่เรื่องเพศให้กับเด็ก แต่ทำหน้าที่อย่างที่ของเล่นควรจะเป็น คือ พัฒนาทักษะรอบด้าน ส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก

ปัจจุบัน มีร้านขายของเล่น รวมถึงบริษัทของเล่นหลายแห่งในต่างประเทศ ไม่แบ่งแยกของเล่นเด็กชายเด็กหญิง ไม่มีการติดป้ายที่สินค้าแล้วว่าสำหรับเด็กชายเด็กหญิง เท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้เด็กทุกเพศได้เล่นของเล่นตามที่ตนเองชอบ

ข้อดีของการเล่นของเล่นโดยไม่จำกัดเพศ คือช่วยให้เด็กเข้าใจเรื่องบทบาททางเพศ ที่ไม่จำเป็นต้องตายตัว และเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะรอบด้าน มีคุณสมบัติที่ดีอยู่ในตัวได้อย่างเต็มที่ สามารถจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง

เมื่อเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตา ก็จะเข้าใจว่าผู้ชายหรือพ่อสามารถเป็นผู้เลี้ยงดูลูกได้ มีความอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้ เป็นคุณครูหรือพยาบาลทำหน้าที่ดูแลเด็กก็ได้

เมื่อเด็กผู้หญิงเล่นรถยนต์ ก็จะเข้าใจได้ว่ารถยนต์เคลื่อนไหวอย่างไร และเรียนรู้ว่าผู้หญิงก็สามารถสนใจวิทยาศาสตร์ เรียนรู้เรื่องฟันเฟืองเครื่องยนต์ได้ดี เพื่อจะโตเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรที่มีความสามารถ

เด็กได้เติบโตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมีเรื่องเพศมาเป็นข้อจำกัด

ที่มา :

ภาษาไทย
คู่มือสำหรับพ่อแม่ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแลและพัฒนาเด็ก ตอน วัยเด็กเล็ก 0-3 ปี, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย.
ความเสมอภาค คือ ความสุข, สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.
คู่มือข้อแนะนำกิจกรรมทางกายและการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของเด็ก สำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย, กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, 2561

นิทรรศการ Let’s Unbox! 2022 Hong Kong Art Toy Story Exhibition เซ็นทรัลเวิลด์

สาวก Art toy ห้ามพลาด! เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดบ้านต้อนรับผลงาน Art Toy ระดับโลกจากผลงานของ 17 นักออกแบบชื่อดัง ในงาน Let’s Unbox! 2022 Hong Kong Art Toy Story Exhibition, Thailand Chapter ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดย Innovative Entrepreneur Association (IEA)

โซน Amazing Art Toy Zone จัดแสดง Art Toy จาก 7 ศิลปินชื่อดัง ในรูปแบบกล่องของเล่นขนาดยักษ์ ให้ได้ชมแบบละเอียดในทุกชั้นตอนการสร้างสรรค์ ตั้งแต่ภาพสเก็ตช์

โซน Brilliant Art Toy Zone จัดแสดงผลงาน 8 ศิลปินหน้าใหม่มาแรง ที่โดดเด่นน่าจับตามอง สัมผัสถึงรูปแบบการออกแบบชิ้นงานที่สดใหม่ ฉีกรูปแบบ Art toy ที่เคยเห็น

โซน Classic Art Toy Zone พาทุกคนย้อนเวลาไปยังจุดกำเนิด Art Toy ของฮ่องกง พร้อมไฮไลท์ คอลเลคชั่นหายากและเป็นที่ต้องการในตลาดของนักประมูลมาจัดแสดงให้ได้ชม อาทิ “Amazing Twins”, “Brothersfree” และ “Michael Lau”

โซน Discovery Zone โซนที่ทุกคนได้ใกล้ชิดกับศิลปินเจ้าของผลงาน ร่วมชมผลงาน พูดคุยแจกลายเซ็น พร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย อาทิ กิจกรรม AR ที่จะพาทุกคนสัมผัสถึงความรู้สึกของโลกเสมือนของ Art Toy ในจินตนาการ ซึ่งโซนนี้ทุกท่านจะได้ร่วมเก็บภาพประทับใจ พร้อมแชร์เพื่อร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลพิเศษจากศิลปิน

ภายในงาน พบของสะสมกว่า 300 ชิ้น จากศิลปินชาวฮ่องกง ซึ่งได้เริ่มต้นตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว และนิทรรศการครั้งนี้ยังได้คงรูปแบบของการจัดงานแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมในฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 1990 พร้อมชมผลงานการสร้างสรรค์และออกแบบจากสุดยอด Art ToyDesigner ชื่อดังระดับโลก 17 ท่าน ได้แก่

 Foon Wong (Big boy toy), Husky Kevin, iXTEE, Miloza Ma,Pat Lee, Pucky, Winson Ma, Pelix Ip, Jeffery Yau, Lam Pei, Mickey Mic, Nicolas Lesaffre, Ryan Lee, Spookyworkhk, Steven Choi, Michael Lau และ Amazing twins โดยหลายผลงานถูกนำออกมาจากพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงในงานนี้โดยเฉพาะ 
  นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การเสวนาด้านการออกแบบ Art Toy, ร่วมทำกิจกรรมกับศิลปินนักออกแบบชาวฮ่องกง และนักสะสมชาวไทยตลอดระยะเวลาการจัดงาน 

 สำหรับแฟนคลับและผู้ที่สนใจชม นิทรรศการ Hong Kong Art Toy Story Thailand Story สามารถเข้าชมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ -18 กันยายน 2565  ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซน Eden, Central Court และ Dazzle 

เตือนพ่อแม่ ของเล่นเด็กมีสารปนเปื้อน อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้

ของเล่นเป็นส่งที่คู่กับเด็ก แต่บางครั้งของเล่นเหล่านั้นอาจมีสารปนเปื้อนและก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกได้

จากการสุ่มตรวจของเล่น 51 ตัวอย่างจากศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่าของเล่น 18 ตัวอย่าง โดยเฉพาะกลุ่มตุ๊กตายางบีบ มีสารทาเลต เกินมาตรฐาน EU ถึง 378 เท่า พบทั้งของเล่นที่มีเครื่องหมาย มอก. และ ไม่มีเครื่องหมาย มอก.

สำหรับของเล่นที่มีเครื่องหมาย มอก. ที่พบสารทาเลตเกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์โดยมวล มี 7 ตัวอย่าง เช่น พะยูนเขียว แมวน้ำสีชมพู ยางบีบผลไม้ ตุ๊กตาเป็ดสีเหลือง ตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาไก่สีเหลือง และชุดบล็อกต่อ

ส่วนกลุ่มที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. และตรวจพบทาเลตเกิน 0.1 มี 11 ตัวอย่าง คือ ยางบีบหมู พวงกุญแจสไปเดอร์แมน แรคคูณสีเหลือง สายรัดข้อมือสีชมพู ตุ๊กตาบีบสัตว์ เป็ดสีเหลือง ตุ๊กตาเจ้าหญิง พวงกุญแจจระเข้ พวงกุญแจยางไดโนเสาร์ และตุ๊กตาม้า ซึ่งของเล่นเหล่านี้ ซื้อมาจากตลาดบางพลัด ห้างแถวอนุสาวรีชัยสมรภูมิ และร้านขายของเล่นแถวแฟลตคลองจั่น

หากเด็กรับสารทาเลตเข้าไปมาก จะมีผลต่อระบบสืบพันธ์ุ และระบบต่อมไร้ท่อของร่างกาย โดยออกฤทธิ์จะต้านแอนโดรเจนหรือฮอร์โมนเพศชาย รวมทั้งมีผลต่อรังไข่ในเพศหญิง และอาจมีผลต่อการสร้างมะเร็งตับในเด็กได้ด้วย

ของเล่นเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะกับวัยของลูก ?

ของเล่นเด็ก เป็นของคู่กายในวัยเด็กที่มีกันเกือบทุกคน เพราะนอกจากช่วยสร้างความสนุกสนานแล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย โดยของเล่นที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ พ่อแม่จึงควรเลือกของเล่นที่ดีและเหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการฝึกทักษะและพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นหลัก

หลักการเลือกซื้อของเล่นเด็ก
ของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมา ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บหรือการได้รับสารพิษ ซึ่งอาจร้ายแรงจนทำให้เด็กถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น พ่อแม่จึงควรเลือกซื้อของเล่นอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

ของเล่นต้องมีเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กำกับ
ฉลากบนของเล่นต้องมีข้อมูลระบุอายุจำกัดของผู้เล่น วิธีเล่น คำเตือน รวมถึงชื่อผู้ผลิต โรงงาน ผู้จัดจำหน่าย และเครื่องหมายการค้าอย่างชัดเจน
วัสดุที่ใช้ทำของเล่นต้องปราศจากสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นวัสดุใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
ของเล่นควรมีพื้นผิวเรียบ ไม่มีขอบแหลมคม และมีขนาดใหญ่เพียงพอเพื่อป้องกันเด็กกลืนหรือนำของเล่นเข้าจมูก
หลีกเลี่ยงของเล่นที่ส่งเสียงดังเกินมาตรฐานที่กำหนด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการได้ยินของเด็กได้
ภาชนะที่ใช้บรรจุของเล่นต้องสามารถเปิดปิดได้ง่าย และไม่มีวัสดุที่เป็นเชือกหรือลวด
ข้อควรระวังก่อนเลือกซื้อของเล่นเด็ก
พ่อแม่ควรเลือกซื้อของเล่นที่เหมาะกับวัยของเด็ก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนี้

เด็กก่อนวัยเรียน หรือเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี
ของเล่นควรมีขนาดใหญ่มากพอ หากเป็นของเล่นทรงกลมควรมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า 1.75 นิ้ว โดยอาจใช้เส้นผ่านศูนย์กลางของแกนกระดาษชำระเป็นเกณฑ์ และไม่ควรนำของเล่นที่มีขนาดเล็กกว่าแกนกระดาษชำระมาให้ลูกน้อยเล่น
ของเล่นที่ต้องใช้ถ่านควรมีช่องสำหรับใส่ถ่านที่มีฝาปิดแน่นหนา เพื่อป้องกันเด็กนำถ่านออกมาเล่น
ของเล่นสำหรับขี่เหมาะสำหรับเด็กที่สามารถนั่งด้วยตัวเองได้ และควรมีสายรัดเพื่อป้องกันการลื่นตก
เด็กวัยเรียน หรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6-14 ปี
ของเล่นที่เลียนแบบอาวุธชนิดต่าง ๆ อย่างลูกดอก ลูกศร ดาบ หรือปืน ไม่ควรมีปลายแหลมและควรมีสีสันสดใส เพื่อป้องกันเด็กจำสลับกับอาวุธจริง ไม่ควรให้เด็กเล่นปืนอัดลมที่บรรจุลูกปืน และดูแลไม่ให้เด็กเล่นรุนแรงหรือขว้างปาของเล่นใส่ผู้อื่น
ของเล่นที่มีตาข่ายควรขึงตาข่ายอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันตาข่ายหลุด เพราะเด็กอาจนำตาข่ายที่เสียหายมาเล่นจนเกิดอันตรายร้ายแรง
หากเป็นจักรยานหรือสกู๊ตเตอร์ ควรมีอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บ เช่น หมวกกันกระแทก สนับข้อศอก สนับเข่า เป็นต้น
ของเล่นเด็กที่เหมาะกับแต่ละช่วงอายุ
การเลือกของเล่นให้ลูก นอกจากจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักแล้ว ยังต้องเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุด้วย ดังนี้

เด็กแรกเกิดถึง 1 ปี มักสนใจการเคลื่อนไหวและเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัว และเรียนรู้การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การชิม การดมกลิ่น การฟังเสียง และการมอง โดยเด็กที่มีอายุ 4 เดือนจะเริ่มคว้าและหยิบจับสิ่งของ หลังจากนั้นทักษะด้านนี้จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนสามารถหยิบของชิ้นเล็ก ๆ ได้ ซึ่งของเล่นที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็กช่วงวัยนี้ ได้แก่

โมบายเด็ก สำหรับห้อยเหนือเปลเด็ก เพื่อดึงดูดความสนใจและพัฒนาทักษะการมองเห็น
กระจก ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กให้หันมาสำรวจร่างกายส่วนต่าง ๆ ของตัวเอง
วงแหวนสวมหลัก ช่วยพัฒนาสมองและการคิดวิเคราะห์
ของเล่นลากจูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฝึกการทรงตัว
เด็กแรกเกิดสามารถเล่นของเล่นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน อย่างไรก็ตาม การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเด็กเริ่มโตขึ้น พ่อแม่จึงควรร่วมเล่นของเล่นกับลูกบ่อย ๆ เพื่อช่วยเสริมทักษะการใช้ภาษาและการเข้าสังคม

เด็กอายุ 1-3 ปี มักสนใจใคร่รู้การทำงานของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น สงสัยว่าของเล่นชิ้นนี้ส่งเสียงดังได้อย่างไร หรือทำไมรถของเล่นจึงเคลื่อนที่ได้ เป็นต้น และสามารถแยกความแตกต่างของสีและรูปร่างต่าง ๆ ได้ นอกจากนั้น เด็กวัยนี้จะเริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบคนใกล้ชิดโดยเฉพาะคนในครอบครัว ซึ่งของเล่นที่เหมาะกับเด็กช่วงอายุนี้ ได้แก่

ลูกบอล ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความคล่องแคล่ว รวมถึงพัฒนาทักษะการประสานงานกันระหว่างมือกับตา
ของเล่นเครื่องกล ของเล่นที่มีเครื่องยนต์กลไกจะช่วยเสริมทักษะการเคลื่อนไหว การแก้ปัญหา และการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ของเล่นที่เป็นรูปทรงและมีสีสัน ช่วยเพิ่มทักษะการประสานกันระหว่างมือกับตา และการคิดวิเคราะห์
ของเล่นบทบาทสมมติ เช่น อุปกรณ์ทำครัว หรือเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางภาษาและการเข้าสังคม รวมถึงสอนให้เด็กเรียนรู้การดูแลสิ่งที่ตัวเองรัก
เด็กอายุ 3-5 ปี มักมีจินตนาการสูง จึงชอบเล่นบทบาทสมมติหรือสร้างเพื่อนในจินตนาการขึ้นมา และต้องการความสนใจหรือการชมเชยจากพ่อแม่เมื่อทำบางสิ่งสำเร็จ นอกจากนั้น เด็กวัยนี้จะเริ่มรู้จักการแบ่งปันและการรวมกลุ่มกันเพื่อเล่นของเล่นอีกด้วย ซึ่งของเล่นที่เหมาะกับเด็กช่วงอายุนี้ ได้แก่

ศิลปะและงานประดิษฐ์ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก ส่งเสริมจินตนาการและความภาคภูมิใจในตัวเอง
เกมต่อตึก ช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การประสานงานกันระหว่างมือกับตา และส่งเสริมจินตนาการ
เกมปริศนา ช่วยพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีตรรกะ การคิดเชื่อมโยง รวมถึงส่งเสริมความคิดที่ฉับไวคล่องแคล่ว
เด็กอายุ 6-14 ปี เป็นช่วงอายุที่มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ เพิ่มขึึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กวัยนี้มักชื่นชอบการเล่นกับเพื่อน อย่างไรก็ตาม การปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่จึงควรร่วมทำกิจกรรมกับลูกอยู่เสมอ ซึ่งของเล่นที่เหมาะกับเด็กช่วงอายุนี้ ได้แก่

เกมกระดานหรือเกมไพ่ ช่วยพัฒนาทักษะการวางแผน การเจรจา รวมถึงสอนให้เด็กรู้จักการควบคุมอารมณ์และมีน้ำใจนักกีฬา
เชือกกระโดด ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงพัฒนาทักษะการเข้าสังคมและการแก้ปัญหา
เครื่องดนตรี ช่วยสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก ฝึกสมาธิ รวมถึงพัฒนาทักษะการฟัง

เคล็ดลับในการเลือกของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Tips to Choose Toys for Kids)

เลือกของขวัญให้ลูกอย่างไร? บทความนี้เสนอแนวคิดบางประการในการเลือกของเล่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูก ท้าทายเธอ และหล่อเลี้ยงทักษะทางความคิด ร่างกาย ภาษา และสังคมและอารมณ์ เด็กวัยเตาะแตะเป็นนักสำรวจตัวน้อยที่เรียนรู้จากการทำ การเล่นช่วยให้บุตรหลานของคุณมีโอกาสที่ดีในการพัฒนาและฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ตามจังหวะของตนเองโดยทำตามความสนใจเฉพาะตัวของเธอ ของเล่นและของเล่นที่ลูกของคุณมีให้สามารถกำหนดพัฒนาการของเธอในรูปแบบที่สำคัญ

แม้ว่าการเลือกของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดินอาจเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อคุณเดินเข้าไปในร้านขายของเล่นในวันนี้ สิ่งเดียวที่ง่ายคือรู้สึกหนักใจ มีของเล่นมากมายที่พัฒนาขึ้นสำหรับตลาดเด็กวัยหัดเดิน เลือกอย่างไรให้เหมาะกับลูก? คุณจะบอกได้อย่างไรว่าสิ่งใดมีคุณภาพสูงและสิ่งใดคงทน สิ่งใดที่จะดึงดูดความสนใจของบุตรหลานของคุณเป็นเวลานานกว่า 2-3 วันหรือหลายสัปดาห์? ด้านล่างนี้คือแนวคิดบางประการในการเลือกของเล่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกของคุณ ท้าทายเธอ และหล่อเลี้ยงพัฒนาการโดยรวมของเธอ (ทักษะทางความคิด ร่างกาย ภาษา และสังคมและอารมณ์ของเธอ)

แนวทางการเลือกของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน
เลือกของเล่นที่ใช้งานได้หลากหลาย
Olesia Bilkei / Shutterstock

เด็กวัยเตาะแตะชอบที่จะแยกชิ้นส่วน ประกอบกลับ ดึงออก ใส่ ต่อเติม และสร้างขึ้น เลือกของเล่นที่ “ปลายเปิด” ในแง่ที่ว่าลูกของคุณสามารถเล่นเกมต่างๆ กับพวกเขาได้ ตัวอย่างเช่น บล็อกไม้หรือบล็อกพลาสติกที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นๆ สามารถใช้ทำถนน สวนสัตว์ สะพาน หรือยานอวกาศได้ ของเล่นประเภทนี้จะจุดประกายจินตนาการของลูกคุณ และช่วยให้เขาพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและการคิดอย่างมีตรรกะ

ตัวอย่าง:บล็อก บล็อกประสาน บล็อกหรือถ้วยทำรัง และของเล่นสำหรับเล่นทรายและน้ำ
มองหาของเล่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกของคุณ
เราทุกคนต่างเคยมีประสบการณ์ในการซื้อของเล่นที่ลูกของเราเล่นด้วยเป็นเวลา 2 วันและไม่เคยแตะต้องอีกเลย คุณสามารถป้องกันได้โดยมองหาของเล่นที่สามารถสนุกได้ในขั้นตอนการพัฒนาต่างๆ ตัวอย่างเช่น สัตว์พลาสติกขนาดเล็กเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กวัยหัดเดินที่อาจสร้างบ้านกล่องรองเท้าสำหรับพวกเขา ในขณะที่เด็กวัยหัดเดินที่มีอายุมากกว่าสามารถใช้พวกมันเพื่อแสดงเรื่องราวที่เธอสร้างขึ้น

ตัวอย่าง:ของเล่นพลาสติกรูปสัตว์และแอ็คชั่น, บ้านตุ๊กตาที่เป็นมิตรกับเด็กวัยหัดเดิน, รถไฟและรถดัมพ์ (และยานพาหนะอื่นๆ), ตุ๊กตาสัตว์และตุ๊กตา
เคล็ดลับในการเลือกของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน

เลือกของเล่นที่ส่งเสริมการสำรวจและการแก้ปัญหา
การเล่นเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของเล่นที่ให้โอกาสเด็กๆ คิดหาบางอย่างด้วยตัวเอง—หรือด้วยการฝึกสอน—สร้างทักษะการคิดอย่างมีตรรกะและช่วยให้พวกเขาเป็นนักแก้ปัญหาที่ไม่หยุดหย่อน นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ (เข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ เข้ากันได้อย่างไร) การประสานมือและตาและทักษะยนต์ปรับ (โดยใช้กล้ามเนื้อเล็ก ๆ ในมือและนิ้ว)

ตัวอย่าง:ปริศนา เครื่องคัดแยกรูปร่าง บล็อก บล็อกหรือถ้วยทำรัง วัสดุศิลปะ เช่น ดินเหนียว สี ดินสอสี หรือแป้งโดว์
มองหาของเล่นที่จุดประกายจินตนาการของลูกคุณ
ในช่วงปีที่สามของลูก ความคิดสร้างสรรค์ของเขาเริ่มลดลงอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้เขาสามารถสวมบทบาทเป็นคนอื่นได้ (เช่น พระราชา) และจินตนาการว่าบางอย่าง (เช่น บล็อก) เป็นอย่างอื่น (เหมือนเค้กชิ้นหนึ่ง) . มองหาของเล่นที่ลูกของคุณสามารถใช้ได้ในขณะที่เขาพัฒนาและแสดงเรื่องราว การแสดงบทบาทสมมติสร้างทักษะทางภาษาและการรู้หนังสือ ทักษะการแก้ปัญหา และความสามารถในการจัดลำดับ (จัดเหตุการณ์ตามลำดับตรรกะ)

ตัวอย่าง:เสื้อผ้าแต่งตัว, บล็อก, อาหารของเล่นและจานพลาสติก, แอ็คชั่น, ตุ๊กตาสัตว์และตุ๊กตา, รถไฟและรถบรรทุก, บ้านตุ๊กตาที่เป็นมิตรกับเด็กวัยเตาะแตะ, เครื่องมือของเล่น และอุปกรณ์เสริม “ในชีวิตจริง” เช่น หลอดกระดาษห่อ “ไฟ” สายยาง” สำหรับนักดับเพลิงตัวน้อยของคุณ กล่องกระดาษแข็งอเนกประสงค์ขนาดใหญ่มักเป็นที่นิยมสำหรับเด็กเล็กและฟรี (โทรหาร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับการหยิบกล่องตู้เย็นหนึ่งกล่อง) กล่องกลายเป็นบ้าน เรือโจรสลัด โรงนา อุโมงค์ อะไรก็ได้ที่เด็กจินตนาการถึง!
ให้โอกาสลูกของคุณเล่นกับของ “ของจริง” หรือของเล่นที่ดูเหมือนของจริง
ลูกวัยเตาะแตะของคุณเก่งในการค้นหาว่าสิ่งของต่างๆ ในโลกของเธอทำงานอย่างไร เช่น รีโมททีวีหรือสวิตช์ไฟ เธอยังสนใจที่จะเล่นกับ “ของจริง” ของคุณ เช่น โทรศัพท์มือถือ เพราะเธออยากจะตัวใหญ่และมีความสามารถเหมือนคุณ ของเล่นประเภทนี้ช่วยให้เด็กแก้ปัญหา เรียนรู้ความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ (สิ่งต่างๆ เข้ากันได้อย่างไร) และพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวที่ดี (การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในมือและนิ้ว)

ตัวอย่าง:จานพลาสติกและอาหาร กุญแจของเล่น โทรศัพท์ของเล่น เสื้อผ้าแต่งตัว เครื่องดนตรี ไม้กวาดขนาดเด็ก ไม้ถูพื้น แปรงและที่โกยผง
โยนของเล่น “เตรียมพร้อมที่จะอ่าน”
หนังสือ ตัวอักษรแม่เหล็ก และอุปกรณ์ศิลปะ เช่น ปากกามาร์กเกอร์ ดินสอสี และสีนิ้ว ช่วยให้บุตรหลานของคุณพัฒนาทักษะการเขียนและการอ่านก่อนวัยอันควร อุปกรณ์ประกอบฉาก “ในชีวิตจริง” เช่น เมนูซื้อกลับบ้าน แคตตาล็อก หรือนิตยสารเป็นเรื่องสนุกสำหรับบุตรหลานของคุณในการดูและเล่นด้วย และยังสร้างความคุ้นเคยกับตัวอักษร ข้อความ และสิ่งพิมพ์อีกด้วย

หาของเล่นที่ส่งเสริมให้ลูกของคุณมีความกระตือรือร้น
เด็กวัยหัดเดินกำลังทำแบบฝึกหัดทางกายภาพทุกประเภทเนื่องจากร่างกายแข็งแรงขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น งานของคุณคือการเป็นผู้ชมที่ชื่นชมความสำเร็จล่าสุดของสนามเด็กเล่น! มองหาของเล่นที่ช่วยให้ลูกของคุณฝึกฝนทักษะทางร่างกายในปัจจุบันและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ

ตัวอย่าง:ลูกบอลที่มีรูปร่างและขนาดต่างกัน รถ 3 ล้อหรือสกู๊ตเตอร์ 3 ล้อ (พร้อมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม) ชุดโบว์ลิ่งพลาสติก ห่วงบาสเก็ตบอลขนาดเด็ก ของเล่นดึง (เช่น ของเล่นที่เด็กสามารถดึงเชือกได้) เกวียน ถมและดึง เครื่องมือทำสวน ขุดคราด เคลื่อนย้ายกล่อง (เปิดปลายทั้งสองข้าง) ทำอุโมงค์คลานผ่าน
มองหาของเล่นที่ส่งเสริมการเล่นข้ามรุ่น
แม้ว่าผู้ใหญ่และเด็กจะเล่นด้วยกันได้เกือบทุกอย่าง แต่ก็มีของเล่นบางประเภทที่ออกแบบมาสำหรับการมีส่วนร่วมของผู้ใหญ่ เมื่อลูกของคุณอายุ 3 ขวบขึ้นไป เกมกระดานในระยะเริ่มแรก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ความจำหรือเกมกระดานง่ายๆ ที่ไม่ต้องอ่าน จะเป็นเกมที่สนุกสำหรับทุกเพศทุกวัย ลองเริ่ม “คืนเกมครอบครัว” เมื่อทุกคนเล่นด้วยกัน เกมกระดานส่งเสริมทักษะการนับ จับคู่ และความจำ ตลอดจนทักษะการฟังและการควบคุมตนเอง (เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฎ) พวกเขายังฝึกฝนภาษาและทักษะการสร้างความสัมพันธ์ ประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการสอนเด็กให้เป็นผู้ชนะที่สง่างามและวิธีรับมือกับความพ่ายแพ้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน
เสียง แสง และดนตรีมีประโยชน์อย่างไร?
ของเล่นสำหรับเด็กวัยหัดเดินจำนวนมากสว่างไสวด้วยปุ่ม คันโยก ไฟ ดนตรี ฯลฯ บ่อยครั้งที่ของเล่นเหล่านี้ถูกวางตลาดในฐานะ “พัฒนาการ” เนื่องจากของเล่นมีฟังก์ชันต่างๆ มากมาย น่าเสียดายที่สิ่งนี้มักมีผลตรงกันข้ามกับเด็ก ยิ่งมีของเล่นมากเท่าไร ลูกของคุณก็ยิ่งต้องทำน้อยลงเท่านั้น หากลูกของคุณสามารถนั่งดูของเล่น “แสดง” ได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะให้ความบันเทิงมากกว่าการเรียนรู้ นอกจากนี้ ของเล่นเหล่านี้อาจสร้างความสับสนให้กับเด็กที่กำลังเรียนรู้เหตุและผล หากของเล่นเริ่มเล่นเพลงแบบสุ่ม หรือไม่ชัดเจนว่าปุ่มใดที่ทำให้ไฟเริ่มกะพริบ แสดงว่าบุตรหลานของคุณไม่ทราบว่าการกระทำของเขา (สาเหตุ) ใดทำให้เกิดแสงและดนตรี (เอฟเฟกต์) กล่าวโดยย่อ ของเล่นที่มีประโยชน์ที่สุดคือของเล่นที่ต้องการการกระทำจากเด็กเล็กมากที่สุด

ของเล่นสามารถ “ทำให้ลูกของคุณฉลาดขึ้น” ได้จริงหรือตามที่บรรจุภัณฑ์และโฆษณามักอ้างว่า?
ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่อ้างสิทธิ์เหล่านี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยเพิ่มความฉลาดของเด็ก อันที่จริง ของใช้ในครัวเรือนที่ปลอดภัย (ชามพลาสติกสำหรับเติมและทิ้ง หมอนสำหรับปีนเขาและซ้อนเป็นถ้ำ เสื้อผ้าเก่าสำหรับแต่งตัว) มักเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด จำไว้ว่ายิ่งลูกของคุณต้องใช้ความคิดและร่างกายในการแก้ปัญหาและพัฒนาความคิดของตัวเองมาก เธอก็ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่านั้น

วิธีเลือกซื้อของเล่นเด็กให้เหมาะกับวัย

เด็กในแต่ละวัยมีสภาพร่างกายและศักยภาพของสมองที่แตกต่างกัน จึงต้องการการพัฒนาที่แตกต่างกัน ของเล่นเด็กเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก การเลือกซื้อของเล่นเด็กให้เหมาะกับวัยจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อและแม่จำเป็นต้องรู้ มาดูกันเลยว่าวัยไหนเหมาะกับของเล่นอะไรเด็กในแต่ละวัยมีสภาพร่างกายและศักยภาพของสมองที่แตกต่างกัน จึงต้องการการพัฒนาที่แตกต่างกัน ของเล่นเด็กเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก การเลือกซื้อของเล่นเด็กให้เหมาะกับวัยจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อและแม่จำเป็นต้องรู้ มาดูกันเลยว่าวัยไหนเหมาะกับของเล่นอะไร
ทารก 0 – 18 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรเน้นพัฒนาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การมองเห็น การทรงตัว การสัมผัส ตลอดจนการสั่งสมทักษะทางด้านภาษา
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุ 0-3 เดือนควรเลือกซื้อของเล่นที่มีการเคลื่อนไหวและมีเสียงเพื่อพัฒนาการมองเห็นและการได้ยินของลูก เช่น โมบายที่เคลื่อนไหวได้ ยิ่งมีเสียงเพลงออกมาจากโมบายด้วยยิ่งดี ส่วนเด็กที่มีอายุ 4-6 เดือน พวกเขาสามารถคืบและคลานได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง ควรเป็นของเล่นที่มีสีฉูดฉาด เพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากคืบหรือคลานไปหา ในทารกวัย 7-8 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกของเล่นที่มีสัมผัสแตกต่างกัน เช่น ของเล่นที่มีพื้นผิวขรุขระ เป็นตุ่ม เป็นขีดให้ทารกใช้มือสัมผัส ส่วนทารกวัย 8-18 เดือนควรเป็นของเล่นประเภทลากจูงเพื่อฝึกการก้าวเดิน
เด็ก 1.6 – 4 ปี เด็กวัยนี้นับเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ จินตนาการและบทบาทสมมติ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกของเล่นเด็ก ดังนี้
ของเล่นเน้นการเคลื่อนไหว เช่น ลูกบอล รถล้อลาก เหมาะกับเด็ก 1.5 – 2ปี
ของเล่นที่เน้นการออกกำลังกายและระบายพลังงาน เช่น สไลเดอร์ เหมาะกับเด็กอายุ 2-4 ปี
ของเล่นเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น ของเล่นหั่นผักหั่นอาหาร หรือของเล่นหยอดวัตถุเล็กๆ ลงในหลุม เหมาะกับเด็ก 1.6 – 3 ปี
ของเล่นฝึกจินตนาการ โดยมากจะเป็นการเล่นบทบาทสมมุติ เช่น ชุดทำครัว เต้นท์หรือบ้านพลาสติก เสื้อกาวน์ของหมอ หรือชุดนักดับเพลิง เหมาะกับเด็กอายุ 3-4 ปี
ของเล่นเสริมพัฒนาการทางด้านศิลปะ เช่น สมุดระบายสี สมุดติดสติกเกอร์ ดินน้ำมันหรือปูนปั้น เหมาะกับเด็กอายุ 3-4 ปี
วัย 4- 7 ปี เนื่องจากเป็นวัยที่เด็กๆ มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม มักเล่นกันเป็นกลุ่มและมีจินตนาการสูง คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้อของเล่นเด็กที่เสริมจินตนาการและเล่นเป็นกลุ่มได้ เช่น หน้ากากและชุดแฟนซี ตุ๊กตาบาร์บี้ที่เปลี่ยนชุดและเล่นบทบาทสมมุติเป็นเรื่องเป็นราวได้ รวมถึงของเล่นที่ช่วยให้เด็กได้ออกกำลังเป็นกลุ่ม เช่น แป้นบาสเก็ตบอลสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก และชุดตีกอล์ฟสำหรับเด็ก เป็นต้น
เด็ก 0-18 เดือนเป็นวัยหัดสัมผัสเคลื่อนไหว 1.5- 4 ปีเป็นวัยเรียนรู้ 4-7 ปี เป็นวัยเข้าสังคมและจินตนาการอย่างยิ่งยวด หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เอาใจใส่ต่อพัฒนาการของลูกน้อย อย่าลืมเลือกซื้อของเล่นเด็กให้เหมาะกับวัยและพัฒนาการนะคะ

Toys R Us เกิดจากลางสังหรณ์ รู้เหตุการณ์ก่อนยุค ‘Baby Boomer’ หันมาทำธุรกิจของเล่นเด็ก

จุดเริ่มต้นของ Toys R Us สร้างโดย ‘ชาร์ลส์ ลาซารัส’ (Charles Lazarus) มาจากลางสังหรณ์หลังช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เขามองว่าสินค้าเกี่ยวกับเด็ก และของเล่นจะได้รับความนิยม โดยเสียงส่วนใหญ่จากเพื่อน ๆ ของเขามีความฝันที่อยากจะแต่งงานและมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์
Toys R Us เป็นแบรนด์ที่มีจุดเริ่มต้นจากการคาดเดาของผู้ก่อตั้ง เพียงเพราะคำวาดฝันจากเพื่อน ๆ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ อยากมีลูก มีครอบครัว
ชาร์ลส์ ลาซารัส (Charles Lazarus) ผู้ที่เคยฝันว่าอยากจะเปิดร้านซ่อมจักรยานกับคุณพ่อ แต่เปลี่ยนใจเพราะคำพูดของเพื่อน มาทำธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับเด็กแทน
ในยุคหนึ่งธุรกิจ ‘ของเล่น’ คงไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ของคนที่อยากทำธุรกิจเพราะเป็นสินค้าจำเพาะและอาจไม่ได้ขายง่ายขายคล่องเสมอไป แต่สำหรับ ‘ชาร์ลส์ ลาซารัส’ (Charles Lazarus) เขากลับมองว่าธุรกิจของเล่นน่าสนใจ เขาใช้ลางสังหรณ์นำทางในการเริ่มต้นธุรกิจ เพียงเพราะว่าเพื่อน ๆ ของเขาบอกว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะกลับไปแต่งงานและมีครอบครัว

จุดกำเนิดของแบรนด์ Toys R Us ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่น ซึ่งไอเดียก่อนเริ่มธุรกิจของ ชาร์ลส์ ลาซารัส อาจแปลกในมุมของคนทั่วไป ขณะที่หลายคนก็มองว่าเขาบ้าบิ่นเกินที่จะกล้าลงมือทำธุรกิจจากการคาดเดาล้วน ๆ

ลางสังหรณ์จากคำพูดเพื่อน ๆ

ในปี 1948 ชาร์ลส์ ลาซารัส ช่วงที่เพิ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน เขาตัดสินใจเปิดธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กชื่อว่า ‘Children’s Bargaintown’ (จากความตั้งใจเดิมที่จะเปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยาน) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เหตุผลที่ลาซารัสเปลี่ยนใจเพราะว่าเพื่อน ๆ ของเขาส่วนใหญ่พูดกับเขาว่า อยากกลับบ้านไปแต่งงาน มีครอบครัว และใช้ชีวิตกับลูก ๆ ที่บ้านตามแบบฉบับความฝันของชาวอเมริกันยุคนั้น หลังจากที่ทุกคนผ่านจุดบอบบางของสงครามมาไม่กี่ปี

ลาซารัสเคยให้สัมภาษณ์กับ Entrepreneur ในปี 2008 เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นว่า “สิ่งที่เพื่อน ๆ พูดในวันนั้นจุดประกายให้เขาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ผมต้องลงมือทำธุรกิจ และผมมีลางสังหรณ์ว่าช่วงชีวิตหลังช่วงสงคราม ใครต่อใครก็คงอยากมีครอบครัว ดังนั้นสินค้าเกี่ยวกับเด็กคือความคิดแรกที่เข้ามาในหัวผม”

หลายคนยกย่องให้เขาเป็นผู้คาดเดาก่อนกาลเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจ ก่อนยุคที่เราเรียกกันว่า ‘Baby Boomer: ยุคแห่งการมีลูกดก’ ซึ่งเขาได้เริ่มต้นธุรกิจในช่วงยุคนั้นพอดิบพอดี

“ตอนแรกผมตัดสินใจว่าจะเปิดร้านซ่อมจักรยานกับพ่อ แต่สุดท้ายผมก็เปิดร้านขายเปล, รถม้า, รถเข็นเด็ก, เก้าอี้สูง ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับทารก เด็ก เพราะสัญชาตญาณของผมในเวลานั้นบอกว่า มันถึงเวลาแล้ว”

ในปี 1957 ลาซารัสได้ก่อตั้งบริษัทแยกออกมาจากธุรกิจเดิม (ซึ่งขายให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งไปในปี 1966) โดยเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ ‘ของเล่นเด็ก’ และใช้ชื่อว่า ‘Toys R Us’ มาจากคำว่า ‘Toys are Us’ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาได้ขยายตลาดไปยังร้านค้าและห้างฯ ในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา และชูจุดขายของเล่นที่ราคาถูกกว่าคู่แข่งในตลาด 20 – 50%

Toys R Us ถือว่าเป็นเชนร้านค้าปลีกของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนสาขากว่า 1,600 สาขา และพนักงานมากถึง 64,000 คน ขายอยู่ใน 38 ประเทศทั่วโลก และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน

สำหรับจุดเด่นของ Toys R Us คือ ‘ความหลากหลาย’ สโตร์ในแต่ละแห่งมีของเล่นให้เลือกเป็นพัน ๆ ชิ้น ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งรายไหนสามารถเพิ่มสต็อกความหลากหลายได้เท่ากับ Toy R Us โดยเขาได้นำเข้าของเล่นจากหลายประเทศ ไม่ใช่แค่จากอเมริกาเท่านั้น เช่น ของเล่นในญี่ปุ่น, ของเล่นในยุโรป ฯลฯ โดยลาซารัสได้ต่อรองราคาเพื่อสร้างราคาที่เป็นมิตรต่อผู้ซื้อได้อย่างน่าสนใจ

ถึงแม้ว่า ในปี 1983 บริษัทได้เปิดตัว ‘ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก’ ชื่อว่า Kids R Us และค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่หายนะจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ กำลังสั่นคลอนความมั่นคงของ Toys R Us เพราะลาซารัสไม่แน่ใจว่าต้องปรับตัวอย่างไร

หายนะเริ่มหลังผู้ก่อตั้งลงจากตำแหน่ง

ในปี 1994 ลาซารัสประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และอยู่ในตำแหน่งประธานอีก 4 ปีหลังจากนั้น โดยเขาไม่รู้เลยว่า Toys R Us กำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤตในการแข่งขัน โดยในปี 1998 (หลังจากเขาออกจากตำแหน่งทั้งหมดของบริษัท) Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในอเมริกา เริ่มขายของเล่นมากกว่า Toys R Us และการแข่งขันในตลาดก็ดุเดือดขึ้นกว่าเดิม มีสงครามราคาเกิดขึ้น

Toys R Us เผชิญกับความท้าทายอยู่หลายปีเพราะการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งรสนิยมของเล่นที่เปลี่ยนไปด้วย และจากนั้นก็เริ่มมีคู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้น ทั้ง Walmart, K-Mart ฯลฯ ที่หันมาเพิ่มความหลากหลายในสินค้า และมีของเล่นมากกว่า Toys R Us

นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดของเล่นดุเดือด การแข่งขันในตลาดเสื้อผ้าเด็กก็รุนแรงไม่แพ้กัน Kids R Us เผชิญปัญหาเรื่องการปรับตัว ทำให้สู้คู่แข่งไม่ไหวจำใจต้องปิดร้านค้าลงในปี 2003 กว่า 146 แห่ง

ในปี 2005 กลุ่มบริษัทเอกชนทั้ง Bain Capital, Kohlberg Kravis Roberts และ Vornado Realty Trust ได้ร่วมกันซื้อกิจการ Toys R Us ปิดดีลด้วยมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทั้ง 3 บริษัทได้ร่วมกันฟื้นฟูบางกิจการภายในที่ไม่ทำกำไร

ขณะเดียวกัน Toys R Us พยายามเติบโตในยุคแห่งอีคอมเมิร์ซ บริษัทจึงเข้าซื้อ Etoys.com และ Toys.com ในปี 2009 ขณะเดียวกันก็เข้าซื้อ KB Toys และ F.A.O. Schwarz ร้านขายของเล่นชื่อดังในนครนิวยอร์ก หวังจะเพิ่มความหลากหลายในธุรกิจ ไม่ใช่ของเล่นที่มาจาก Toys R Us เพียงอย่างเดียว

ในปี 2015 Dave Brandon เข้ามานั่งเป็น CEO แห่ง Toys R Us อย่างเป็นทางการ (ก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดว่าใครเป็น CEO เพราะมีกลุ่มบริษัทเอกชนร่วมกันบริหารหลายราย) เขาเคยเป็น CEO ของ Domino’s Pizza ที่สหรัฐฯ มาก่อน ซึ่งเขาถูกคาดหวังอย่างหนักที่จะเข้ามากอบกู้กำไรของ Toys R Us และสู้กับคู่แข่งอีคอมเมิร์ซได้

การเปลี่ยนแปลงมากมายรอบตัว ขณะที่ร้านค้า Toys R Us ก็เก่าจนเกินไป ในที่สุด Toys R Us ได้ยื่นขอล้มละลาย และขอเข้าสู่กระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2017 ซึ่งในตอนนั้นร้านค้าปลีกของ Toys R Us กว่า 700 แห่งในสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลงอย่างถาวร จากไปพร้อมสภาวะหนี้ที่ท่วมอย่างหนัก

และในปี 2018 บริษัทได้ทยอยปิดเว็บไซต์ Toys R Us และ Babies R Us อย่างถาวรเช่นกัน และประกาศเพิ่มเติมว่า “ผู้ที่ถือบัตรของขวัญจากร้านค้าที่ปิดตัวลงสามารถใช้เงินที่เหลืออยู่ได้ที่ร้าน Bed Bath & Beyond” สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Toys R Us พยายามอย่างหนักที่จะไม่ทำร้ายความรู้สึกผู้บริโภค และลึก ๆ ก็หวังที่จะกลับมาในตลาดเหมือนเดิม

5 ปี Toys R Us หวนคืนตลาดอเมริกัน

Toys R Us เตรียมฟื้นคืนชีพหลังจากผ่านไป 5 ปีเพื่อฟื้นฟูกิจการให้ยืนอย่างมั่นคงมากขึ้น โดยช่วงกลางปี 2022 Toys R Us ประกาศหวนคืนสู่ตลาดค้าปลีกในสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งได้เข้าไปอยู่ใน Macy’s ห้างสรรพสินค้าอายุเก่าแก่กว่า 165 ปี เป็นส่วนหนึ่งของการขยายความร่วมมือกับ WHP Global (เจ้าของใหม่) ที่เข้าซื้อกิจการ Toys R Us ช่วงที่ต้องฟื้นฟูโครงสร้างหนี้

ขณะที่ช่วงไตรมาส 1/2022 ที่ผ่านมา Macy’s แถลงผลประกอบการหมวดว่าเติบโตขึ้น 15 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือว่าเป็นการคืนสู่ตลาดของ Toys R Us ที่น่าสนใจมาก รวมทั้งการสร้างผลงานที่โดดเด่นขึ้นของห้าง Macy’s ด้วย

ความน่าสนใจของคู่ Macy’s และ Toys R Us ก็คือ ทั้งสองต่างได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน และกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ค้ารายใหญ่ เช่น Target และ Walmart แต่ Macy’s กลับมามีโชคอีกครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา (หลังจากปิดตัวร้านค้าปลีกไปหลายแห่ง)

ทั้งนี้ Toys R Us ในตลาดเอเชีย รวมทั้งในประเทศไทย อาจไม่ได้ห่างหายไปมากนักถ้าเทียบกับตลาดอเมริกา แต่ว่ามูฟเมนต์หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ตลาดอเมริกาอีกครั้ง ทำให้เห็น Toys R Us เร่งเครื่องทำการตลาดในตลาดต่างประเทศมากขึ้น อย่างเช่น ช่วงใกล้วันเด็กที่ Toys R Us ทุกสาขาทั่วไทยจัดโปรโมชั่นเด็ด ลดราคาสูงสุด 20% หรือจะเป็นแคมเปญ Toys R Us ช้อปดีมีคืน 2566 ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท

เส้นทางการทำธุรกิจของ Toys R Us จนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าอาจดูขรุขระไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยการล้มในครั้งนั้นก็ทำให้วันนี้ Toys R Us คัมแบ็กกลับมาเต็มตัวได้ เชื่อว่าเรื่องราวนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายธุรกิจได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังถดถอย และคาดการณ์ยังคงเป็นลบต่อสภาวะตลาดโลกทั้งหมดเช่นนี้

4 เรื่องสำคัญในการเลือก “ของเล่นเด็ก” ที่ดี ให้กับลูกน้อย

มีคนเคยบอกว่า “การเล่น คือการเรียนรู้” สำหรับเด็ก ซึ่งนั้ันถ้าจะจริงนะครับ เพราะว่าเด็ก ๆ นั้นยังไม่เจริญเติบโตที่ดี ในการเรียนรู้ด้วยตัวเองดังนั้นการเรียนรู้ด้วย “ของเล่นเด็ก” จึงจำเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน เเต่การที่จะไปซื้อของเล่นเด็ก เองตามใจเราก็อาจจะไม่ได้การเรียเรียนรู้ที่ดีพอ หรือ อาจจะพัฒนาไม่ตรงจุด ดังนั้นในบทความนี้เราอยากจะขอพูดถึง การเลือก ของเล่นเด็ก ที่ดี และ มีคุณภาพให้กับเจ้าตัวน้อยไว้เล่นกันนะครับ ไปลองดูดีกว่าครับว่าจะมีวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง

เหมาะสมกับวัย
อย่างเเรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “การเลือกของเล่น” ให้เหมาะสมกับวัยนะครับ เพราะว่าในการเลือกของเล่นเด็ก นั้นเราจะต้องเลือกของเล่น ให้เหมาะสมกับวัยนะครับ เพราะแต่ละวัยนั้นก็มีการพัฒนาที่แตกต่างกันซึ่งของเล่นนั้นจะเป็นตัวช่วย และ ตัวกระตุ้นในการพัฒนาการต่าง ๆของเจ้าตัวน้อยได้ดียิ่งขึ้น

ไม่อันตราย
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยนั้นคือในเรื่องของ “ความอันตราย” นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าเด็ก ๆ นั้นการเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้านยังไม่พร้อมที่จะได้รับอาการบาดเจ็บเพราะผิวหนังค่อนข้างจะบอบบาง ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อของเล่นนั้นเราจะต้องระมัดระวังในเรื่องของ “ความอันตราย” ด้วยนะครับ เพราะว่าถ้าหากว่ามีการ “บาด” จากของเล่นเกิดขึ้น สำหรับเด็ก ๆ เเล้วนับว่าจะเจ็บไม่น้อยเลยนะครับ

การเสริมสร้างพัฒนาการที่หลากหลาย
อีกหนึ่งการเลือก “ของเล่นเด็ก” ที่ดี เลยนั้นคือในเรื่องของ “การเสริมสร้างพัฒนาการเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ เพาะว่าการ “ของเล่นเด็ก” ที่ดี นั้นจะต้องมีการเสริมสร้างพัฒนาการที่หลากหลาย การเสริมสร้างพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ไว้ด้วยนะครับ เช่นการมองเห็น การแก้ไขปัญหา การแยกแยะเรื่องต่าง ๆ จะทำให้การเเลือกของเล่นของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ

ต้องไม่ใช่เทคโนโลยี
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนั้นคือ “การไม่เลี้ยงลูกด้วยเทคโนโลยีนะครับ” เช่นการปล่อยลูกไว้กับ Smart Phone เพื่อให้เด็กเล่นอะไรด้วยตัวเอง เพราะว่ามีเเต่จะผลเสียสำหรับเด็กนะครับ เพาะนอกจากจะไม่ทำให้พัฒนาเเล้ว ยังมีในเรื่องของการส่งผลต่อการมองเห็นที่อาจจะแย่ลงได้ด้วยนะครับ ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วย Smart Phone นั้นจะมีเเต่ผลเสียนะครับ ทางที่ดีอย่าพยายามใช้เทคโนโลยีในการเลี้ยงลูก หรือ เจ้าตัวน้อยนะครับ

การเล่นของเล่น และ การพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นของควบคู่กั้นนะครับ เพาะว่าการเรียนรู้ของเด็ก นั้นเริ่มต้นจากการเล่นนะครับ ดังนั้นถ้าหากว่าอยากให้เด็ก ๆ นั้นมีพัฒนาการที่ดี การเลือกของเล่นที่ดี และ มีมาตรฐานนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ

4 เรื่องสำคัญในการเลือก “ของเล่นเด็ก” ที่ดี ให้กับลูกน้อย

มีคนเคยบอกว่า “การเล่น คือการเรียนรู้” สำหรับเด็ก ซึ่งนั้ันถ้าจะจริงนะครับ เพราะว่าเด็ก ๆ นั้นยังไม่เจริญเติบโตที่ดี ในการเรียนรู้ด้วยตัวเองดังนั้นการเรียนรู้ด้วย “ของเล่นเด็ก” จึงจำเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน เเต่การที่จะไปซื้อของเล่นเด็ก เองตามใจเราก็อาจจะไม่ได้การเรียเรียนรู้ที่ดีพอ หรือ อาจจะพัฒนาไม่ตรงจุด ดังนั้นในบทความนี้เราอยากจะขอพูดถึง การเลือก ของเล่นเด็ก ที่ดี และ มีคุณภาพให้กับเจ้าตัวน้อยไว้เล่นกันนะครับ ไปลองดูดีกว่าครับว่าจะมีวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง 

เหมาะสมกับวัย 

อย่างเเรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “การเลือกของเล่น” ให้เหมาะสมกับวัยนะครับ เพราะว่าในการเลือกของเล่นเด็ก นั้นเราจะต้องเลือกของเล่น ให้เหมาะสมกับวัยนะครับ เพราะแต่ละวัยนั้นก็มีการพัฒนาที่แตกต่างกันซึ่งของเล่นนั้นจะเป็นตัวช่วย และ ตัวกระตุ้นในการพัฒนาการต่าง ๆของเจ้าตัวน้อยได้ดียิ่งขึ้น 

ไม่อันตราย 

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยนั้นคือในเรื่องของ “ความอันตราย” นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าเด็ก ๆ นั้นการเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้านยังไม่พร้อมที่จะได้รับอาการบาดเจ็บเพราะผิวหนังค่อนข้างจะบอบบาง ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อของเล่นนั้นเราจะต้องระมัดระวังในเรื่องของ “ความอันตราย” ด้วยนะครับ เพราะว่าถ้าหากว่ามีการ “บาด” จากของเล่นเกิดขึ้น สำหรับเด็ก ๆ เเล้วนับว่าจะเจ็บไม่น้อยเลยนะครับ 

การเสริมสร้างพัฒนาการที่หลากหลาย 

อีกหนึ่งการเลือก “ของเล่นเด็ก” ที่ดี เลยนั้นคือในเรื่องของ “การเสริมสร้างพัฒนาการเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ เพาะว่าการ “ของเล่นเด็ก” ที่ดี นั้นจะต้องมีการเสริมสร้างพัฒนาการที่หลากหลาย การเสริมสร้างพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ไว้ด้วยนะครับ เช่นการมองเห็น การแก้ไขปัญหา การแยกแยะเรื่องต่าง ๆ จะทำให้การเเลือกของเล่นของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ 

ต้องไม่ใช่เทคโนโลยี 

สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนั้นคือ “การไม่เลี้ยงลูกด้วยเทคโนโลยีนะครับ” เช่นการปล่อยลูกไว้กับ Smart Phone เพื่อให้เด็กเล่นอะไรด้วยตัวเอง เพราะว่ามีเเต่จะผลเสียสำหรับเด็กนะครับ เพาะนอกจากจะไม่ทำให้พัฒนาเเล้ว ยังมีในเรื่องของการส่งผลต่อการมองเห็นที่อาจจะแย่ลงได้ด้วยนะครับ ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วย Smart Phone นั้นจะมีเเต่ผลเสียนะครับ ทางที่ดีอย่าพยายามใช้เทคโนโลยีในการเลี้ยงลูก หรือ เจ้าตัวน้อยนะครับ 

การเล่นของเล่น และ การพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นของควบคู่กั้นนะครับ เพาะว่าการเรียนรู้ของเด็ก นั้นเริ่มต้นจากการเล่นนะครับ ดังนั้นถ้าหากว่าอยากให้เด็ก ๆ นั้นมีพัฒนาการที่ดี การเลือกของเล่นที่ดี และ มีมาตรฐานนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ 

รู้จัก “PlanToys” แบรนด์ของเล่นจากไม้ยางพาราที่ให้เด็กๆ เล่นสนุกได้แบบรักษ์โลก

นับเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) แบรนด์ของเล่นไม้ฝีมือคนไทยได้เริ่มลงมือผลิตของเล่นชิ้นแรกขึ้นใต้แนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ของเล่นทั่วไป ณ เวลานั้น คือการผลิตของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเล่นสนุกได้โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ PlanToys เป็นมากกว่าแบรนด์ของเล่นทั่วไป “เล่นแบบรักษ์โลก”หากเปรียบเป็นตัวบุคคล ปีนี้ PlanToys เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ย้อนกลับไปในปี...
Read More

ปลุกความเป็นเด็กใน ‘Toy Story 4’

กลับมาสร้างความประทับใจกันอีกครั้ง สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง"Toy Story 4" กับการผจญภัยครั้งใหม่แกะกล่องของ "วู้ดดี้", "บัซ" และผองเพื่อนที่จะพาคุณกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แม้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้จะจับกลุ่มผู้ชมครอบครัวและเด็กเป็นหลัก แต่ความสำเร็จทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่า "Toy Story" ได้จับกลุ่มผู้ชมมากมายทั่วโลก ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุดระหว่างความผูกพันของ "วู้ดดี้" และ "แอนดี้"...
Read More

Toys “R” Us อาณาจักรของเล่นสำหรับเด็กทุกช่วงวัย

ขายของเล่น แต่ทอยส์ "อาร์" อัส (Toys "R" Us) คืออาณาจักรแห่งการเรียนรู้กึ่งสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กๆ ทุกช่วงวัย อัส (Toys "R" Us) ร้านขายของเล่นในสหรัฐอเมริกา มีสาขาตั้งอยู่ในยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกาและแคนาดา ทั้งในแบบแฟรนไชส์และไลเซนส์ ร้านสาขาใหญ่ในนครนิวยอร์กที่ตั้งอยู่บริเวณไทม์สแควร์...
Read More

พาย้อนวัยเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy

พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy Museum อยู่ใกล้บ้านแม่เตยมากกก​ เรียกได้ว่าผ่านเกือบทุกวันพึ่งมีโอกาสได้พาเด็กๆมาวิ่งเล่น​ นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์​รวบรวมของเล่นแล้วด้านในจะมีคาเฟ่​ และมินิสนามเด็กเล่น​ มุมถ่ายรูปเยอะ​ ถูกใจแม่แน่นอน ในส่วนของพิพิธภัณฑ์​ จะเปิดเฉพาะ​ เสาร​์อาทิตย์​ ก่อนไปยังไงเช็คก่อนนะคะ ชอบใจถูกใจโพสต์​ อย่าลืมกด like กด share ให้เพจแม่ไปไหนหนูไปด้วย​...
Read More

กลับจากล้มละลาย! Toys “R” Us คัมแบ็กยิ่งใหญ่ เปิดตัวปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา

หลังจากยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปี 2018 ล่าสุด Toys “R” Us แบรนด์ของเล่นขวัญใจเด็ก ๆ ก็ได้ฤกษ์หวนคืนสมรภูมิค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยทางค่ายเตรียมเปิดตัวแบบปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา ด้านห้าง Macy’s ก็ตอบรับกับการจับมือดังกล่าวด้วยการโชว์ยอดขายสินค้าหมวดของเล่นว่าเติบโตขึ้น 15 เท่าในไตรมาส 1...
Read More

Art Toy คืออะไรกันแน่ !?

Art toy คืออะไร มาจากไหน ? อาร์ตทอย หรือ ดีไซน์ทอย (Design Toy/ Designer Toy) ฝั่งเอเชียจะนิยมเรียกว่า “อาร์ตทอย” ฝั่งตะวันตกจะนิยมเรียกว่า “ดีไซน์เนอร์ทอย” แต่นิยามทั้งสองนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกันคือ “ของเล่นที่ศิลปินเป็นผู้ออกแบบและผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพื่อจำหน่ายหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น” อาร์ตทอย นั้นได้ถือกําเนิดในช่วง...
Read More

Toys R Us กลับมาแล้ว จะเริ่มเปิดขายของเล่นในสหรัฐวันเสาร์นี้

หลังจากประสบภาวะล้มละลายตั้งแต่ปี 2017 ร้าน Toys R Us ร้านขายของเด็กเล่นชื่อดังที่เคยเป็นร้านขายของเด็กเล่นที่ใหญ่ที่สุดมีสาขามากที่สุดในโลก ก็กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง และจะเริ่มเปิดสาขาแรกในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2019 นี้ (ตามเวลาในสหรัฐ) ร้าน Toys R Us ถาวรขนาดเล็ก 2...
Read More

ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นาน

"ของเล่น" เป็นสื่อที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และช่วยเรื่งความสนุกสนานอีกด้วย แต่อย่าเพิ่งซื้อของเล่นเด็กให้ลูก ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นานถ้าพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าของเล่นเด็กมีกี่แบบและแบบไหนเหมาะกับลูกเรา นี่คือ 5 ประเภทของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องรู้ เลือกได้ถูก เล่นได้นาน ไม่เปลืองเงินซื้อของเล่นบ่อยๆ ประเภทของของเล่นเด็ก ของเล่นที่ให้เด็กได้ออกแรง (Active...
Read More

สู่จักรวาล Toy Story อันไกลโพ้น! ที่มา 8 ของเล่นจากอนิเมชั่นที่หลายคนหลงรัก

Toy Story ถือว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เดินทางมาอย่างยาวนาน เพราะถ้านับช่วงเวลาตั้งแต่ภาค 1 ออกฉายจนถึงปีค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ชุดนี้ก็มีอายุอานาม 24 ปีแล้ว แถมในปีนี้ก็จะมีภาค 4 ออกมาให้ติดตามกันอีก โดยเรื่องราวของ Toy Story 4 นั้นเล่าถึง Woody, Buzz...
Read More

ลูกสาว-ลูกชาย เลือกของเล่นอย่างไรดี

การเล่น เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว การเล่นกับลูก จะช่วยเสริมสร้างทักษะและจินตนาการของลูกได้ พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ เช่น ชวนลูกเล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนหา พาไปสนามเด็กเล่น ฯลฯ การซื้อของเล่นให้ลูก ก็ช่วยฝึกพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นประสาทสัมผัส ได้เช่นกัน ของเล่นที่ดี ควรปลอดภัยจากสารพิษ ทนทาน...
Read More