ทามาก็อตจิ ของเล่นที่ครองใจทั้งเด็กยุคใหม่และวัยใสยุค 90

ได้เวลาฟักไข่
ทามาก็อตจิฟักออกมาเป็นตัวเป็นตนได้จากความร่วมมือ 3 ส่วนใหญ่ ที่ประกอบด้วยคน 2 คนอย่างอากิ ไมตะ (Aki Maita) กับอากิฮิโระ โยโกอิ (Akihiro Yokoi) และอีก 1 บริษัทผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Bandai ที่กำลังประสบความสำเร็จในต่างแดนอย่างมาก ไอเดียแรกเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่โยโกอิได้ดูโฆษณาในโทรทัศน์ที่มีเนื้อหากล่าวถึงลูกที่โดนแม่ดุเพียงเพราะอยากพาเต่าของตนไปทะเลด้วย จนทำให้เกิดคำถามในใจว่าจะดีแค่ไหนกันหากเราสามารถพกสัตว์เลี้ยงไปทุกที่ได้ ผนวกกับอีกเรื่องราวของไมตะ ที่ต้องการจะสร้างอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจถึงความรู้สึกของการได้ดูแลสัตว์เลี้ยง จากความขมขื่นในวัยเด็กของตัวเองที่อยากจะเลี้ยงสัตว์แต่ไม่ได้รับอนุญาต 

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้เองทำให้ในที่สุดทามาก็อตจิก็ได้ฟักตัวออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉม แม้จะมีทฤษฎีมากมายพูดถึงที่มาของชื่อ “ทามาก็อตจิ” (Tamagotchi) บ้างว่า เป็นการผสมคำญี่ปุ่นระหว่าง Tomodachi (เพื่อน) กับ Tamago (ไข่) และบ้างก็ว่าช่วงท้ายของคำนั้นมาจากคำว่า Uotchi ในความหมายของการดูแล แต่แท้จริงแล้ว คำว่าทามาก็อตจินั้นมาจากคำว่า Tamago และ Uotchi ที่แปลความหมายว่านาฬิกา ตามรูปแบบดีไซน์แรกที่โยโกอิคิดเอาไว้ต่างหาก ทามาก็อตจิวางขายในตลาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1996 โดยมีดีไซน์เป็นรูปไข่ พร้อมกับปุ่มกดเพียง 3 ปุ่มที่จะใช้คุมเกมทั้งเครื่องและสายคล้องให้มีลักษณะเหมือนพวงกุญแจ โดยก่อนหน้าที่จะวางขายก็ได้ทำการแจกจ่ายให้หนุ่มสาวในย่านชิบูย่ากว่า 200 คนได้ทดลองเล่นและศึกษาปฏิกิริยาของผู้เล่นอีกด้วย

กล่องของทามาก็อตจิรุ่นแรกที่วางจำหน่ายปี 1996 นั้นระบุไว้ว่า “ทามาก็อตจิคือสัตว์เลี้ยงจากไซเบอร์สเปซ ที่ต้องการความรักจากคุณในการอยู่รอดและเติบโต ถ้าคุณดูแลทามาก็อตจิของคุณดี มันก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น สุขภาพดีขึ้นและสวยขึ้นในทุก ๆ วัน แต่หากคุณละเลยสัตว์ไซเบอร์ตัวเล็กของคุณแล้ว ทามาก็อตจิของคุณก็อาจจะโตมาดุร้ายหรือน่าเกลียดได้” ด้วยวงจรชีวิตประมาณ 12-20 วันนี้เอง ชีวิตทั้งหมดของทามาก็อตจิจึงอยู่ในมือของเจ้าของ 100% และเจ้าของจะต้องคอยฟังเสียง “บี๊บ” ที่เกิดขึ้นเพื่อคอยเช็กดูว่าสัตว์เลี้ยงของเราต้องการอะไรในช่วงการเติบโตบ้าง อาจจะเป็นการป้อนข้าว อาบน้ำ ทำความสะอาดห้อง รวมถึงการเล่นและการสอนสั่งจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันชั่วนิรันดร์ 

ตัวของทามาก็อตจิเองยังสร้างตำนานบทใหม่ไว้ให้แก่วงการเกมหลากหลายอย่าง อาทิ การเป็นผู้บุกเบิกรูปแบบของเกมที่จะมีชีวิตในโลกของมันต่อไปไม่มีหยุดชั่วคราวแม้ในขณะที่ผู้เล่นจะกดปิดเครื่อง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากในยุคนั้น หรือการเป็นหนึ่งในเกมแรก ๆ ที่เบลอเส้นแบ่งระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกของความจริง ในรูปแบบของความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) ระลอกแรก ที่สำคัญที่สุดคือการเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมแรก ๆ อีกเช่นกันที่มีการตลาดเจาะจงสำหรับเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ 

Adam Crowley ศาสตราจาย์ ณ มหาวิทยาลัยฮัสสัน เล่าถึงแผงวางขายเกมในสมัยนั้นว่า ในขณะที่คอนโซลต่าง ๆ วางอยู่บนชั้นสำหรับเด็กผู้ชาย แต่ทามาก็อตจิกลับเข้ามาเพื่อสวนกระแสและท้าทายความเป็นชายที่ท่วมท้นวงการวิดีโอเกมในยุคนั้น “ทามาก็อตจิได้เตรียมการเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนผู้ซึ่งถูกละเลยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในอุตสาหรรมวิดีโอเกม” เขากล่าว อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สะท้อนให้เห็นภาพสังคมในสมัยนั้นที่ยังคงผลิตซ้ำภาพจำเรื่องของบทบาททางเพศ ราวกับว่าผู้หญิงจะสามารถเล่นวิดีโอเกมได้ก็ต่อเมื่อสวมบทบาทเป็นผู้ดูแลเท่านั้น นอกจากนี้แล้วความผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงไซเบอร์ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่อย่าง “Tamagotchi Effect” ซึ่งหมายถึงพัฒนาการความผูกพันทางอารมณ์ที่มนุษย์มีต่อเครื่องจักร หุ่นยนต์ หรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ อีกด้วย

สู่กระแสตอบรับที่เกินคาด
หลังจากทามาก็อตจิวางขายในตลาดญี่ปุ่นประมาณครึ่งปี เจ้าเครื่องเล่นนี้ก็ได้โบยบินไปอยู่บนแผงเกมในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และได้ครองใจคนทุกเพศทุกวัยอย่างที่ไม่เคยคาดคิด “หลังจากทามาก็อตจิเปิดตัวในปี 1996 มันก็ไม่ได้เป็นเพียงของเล่นแฟชั่น แต่มันคือปรากฏการณ์ทางสังคม” โนบุฮิโกะ โมโมอิ (Nobuhiko Momoi) กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของทามาก็อตจิกล่าว 

ในช่วงครึ่งปีแรกของการวางขายในตลาดญี่ปุ่น ทามาก็อตจิมียอดขายกว่า 5 ล้านชิ้น และฮ็อตหนักถึงขั้นเคยมีการเข้าคิวรอซื้อข้ามคืนกันมาแล้ว ในขณะที่ยอดขายรวมจนถึงปี 2021 นั้นก็ทะลุ 83 ล้านชิ้นไปแล้ว บริษัทผู้ผลิตอย่าง Bandai ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ว่า เนื่องจากเกมนี้ดึงดูดสัญชาตญาณการเลี้ยงดูของมนุษย์ ซึ่งในที่นี้ก็คือการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดิจิทัล และการคอยเฝ้าดูพัฒนาการ การเติบโต รวมถึงระวังไม่ให้มันตาย สิ่งนี้เองที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกถึงการมีความรับผิดชอบและพวกเขาก็ยอมรับมันด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่สุด อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้ก็อาจเกี่ยวข้องกับราคาที่ไม่แพงเท่าเครื่องเล่นอื่น ๆ ในสมัยนั้นด้วย

ถึงกระนั้นความฮิตอย่างกว้างขวางนี้ก็อาจมีบางมิติที่เป็นปัญหา เพราะความหลงใหลผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงดิจิทัลแสนรัก รวมถึงความต่อเนื่องของตัวเกมส่งผลให้เด็ก ๆ หลายคนไม่อาจละสายตาไปจากทามาก็อตจิได้แม้กระทั่งในเวลาเรียนหรือมื้อเย็นก็ตาม จนนิตยสารข่าว Germany’s Spiegel เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการโจมตีทางดิจิทัลต่อจิตวิญญาณของหนุ่มสาวเลยทีเดียว ในบางครั้งทามาก็อตจิจึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในคลาสเรียน กลายมาเป็นภาระของพ่อแม่และความรับผิดชอบของครูที่ต้องแบกรับความเสี่ยงไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเด็ก ๆ ต้องเกมโอเวอร์ไปในตอนท้ายของวัน จนขนาดที่ว่ามีอาชีพใหม่ ๆ อย่างการรับจ้างเลี้ยงทามาก็อตจิเกิดขึ้นในยุคนั้นเลยทีเดียว 

ทามาก็อตจิยังได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของ ‘การจากลา’ ที่อาจเป็นประสบการณ์เกี่ยวกับความตายแรก ๆ ของผู้เล่นที่เป็นเด็ก โดยเฉพาะเมื่อความตายนั้นไม่ได้เกิดจากอายุขัย แต่เป็นเพราะความละเลยของเจ้าของ และอารมณ์ที่กระทบจิตใจเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่เป็นที่อภิรมย์สำหรับผู้ปกครองนัก ภาพตอนจบของทามาก็อตจิที่ขายในสหรัฐอเมริกาจึงมีการปรับให้ “หวานแหวว” มากขึ้น โดยเปลี่ยนจากภาพหลุมฝังศพที่ปรากฏบนจอหลังจากสัตว์เลี้ยงดิจิทัลตาย มาเป็นเทวดาแห่งความตาย ไม่ก็ UFO ตัวน้อยแสนน่ารักที่มาเพื่อรับเจ้าทามาก็อตจิกลับดาวเคราะห์บ้านเกิด การจากลาครั้งนี้ยังมีการสร้างอนุสรณ์รำลึกทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ อย่างเช่น ในปี 1996 ที่สุสานสัตว์เลี้ยงที่พอนท์สมิลล์ได้เปิดพื้นที่เฉพาะสำหรับการฝังสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่แรก และได้กระแสตอบรับล้นหลามจากทั่วโลก ทั้งจากสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

ไม่เคยหายไป 
แม้กระแสของทามาก็อตจิจะเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งด้วยการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี และความโหยหาชีวิตในอดีตจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่านี่คือการกลับมาที่แท้จริง เพราะสำหรับกลุ่มคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างเหนียวแน่นนั้นแล้ว ทามาก็อตจิไม่เคยหายไปจากแผงสินค้า จากใจ หรือจากชีวิตของพวกเขาเลย ชมรมคนรักทามาก็อตจิอย่าง Tamatalk ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และมีสมาชิกกว่า 96,000 คนแล้ว เด็กหลายคนที่เติบโตมากับของเล่นอันจิ๋วนี้ยังได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีทุนทรัพย์มากพอสำหรับงานอดิเรกอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือการสะสมทามาก็อตจิรูปแบบต่าง ๆ ราเชล ลิว (Rachel Liew) หนึ่งในนักสะสมทามาก็อตจิกว่า 100 เครื่องยังมองเห็นโอกาสที่ไกลกว่านั้น เธอได้เปิดเว็บไซต์สำหรับให้มือใหม่ได้เข้ามาโหลดคู่มือศึกษาการเล่นทามาก็อตจิ และได้เปิดจำหน่ายเคสใส่ทามาก็อตจิลายน่ารัก ๆ ที่เธอถักเองควบคู่กันไป รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้ประดับตกแต่งอุปกรณ์จิ๋วของตนเองให้ไม่เหมือนใครเช่นกัน

แต่กระแสที่คงอยู่ได้ก็ไม่ได้มาจากฝั่งสาวกทางเดียว เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Bandai เองก็ได้มีการปล่อยทามาก็อตจิรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ รวมถึงมีการคอลแล็บกับตัวการ์ตูนอื่น ๆ เช่น โปเกม่อนหรือซานริโอ้ เป็นต้น ตัวเกมยังพัฒนาฟีเจอร์และรูปลักษณ์ใหม่ ๆ หลากหน้าหลายตา จนเด็ก ๆ ยุค 90 อาจต้องประหลาดใจ ทั้งการเปลี่ยนจอจากพิกเซลขาวดำเป็นสีสันสดใส หรือการเชื่อมต่อให้สัตว์เลี้ยงไซเบอร์ของตนเองและเพื่อนได้มีโอกาสเจอะเจอกัน รวมถึงการสร้างแอปฯให้เราสามารถเลี้ยงสัตว์ไซเบอร์ได้ในโทรศัพท์มือถือของเราอีกด้วย 

2 รุ่นใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
Tamagotchi Pix – ทามาก็อตจิรุ่นใหม่ที่ทำมาเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ มีจุดเด่นนอกจากเกมและตัวละครทามาก็อตจิที่เพิ่มขึ้นคือตัวอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น ปุ่มทัชสกรีน และมีกล้องถ่ายรูป เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้เก็บภาพความทรงจำระหว่างตนเองกับทามาก็อตจิอย่างจุใจก่อนจะต้องส่งน้องกลับดาว

Tamagotchi Smart – ทามาก็อตจิรุ่นฉลองครบรอบ 25 ปี หวนคืนสู่รูปแบบไอเดียแรกเริ่มที่จะสร้างอุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนนาฬิกา เพื่อให้แน่ใจว่าเหล่าผู้เลี้ยงจะไม่ปล่อยทามาก็อตจิไว้ลำพัง หน้าจอของทามาก็อตจิสมาร์ตยังเป็นแบบทัชสกรีน ใช้ลูบหัวแตะตัวน้องได้ทุกเวลา และยังสามารถใช้คำสั่งเสียงพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงได้ เพิ่มความสนิทสนมแนบแน่นมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง “TamaSma Card” อุปกรณ์คล้ายแฟลชไดร์ฟที่นำพาฟีเจอร์สนุก ๆ เพิ่มเติมทั้งไอเท็ม ของตกแต่ง เกม ตัวละคร และฉากหลังสวย ๆ เข้ามาสู่ทามาก็อตจิของเราเพียงแค่เสียบและดาวน์โหลด

ย้อนอดีต !! ของเล่นของสะสมสุดฮิตในวัยเด็ก

1. ยาง

วันเด็ก

การกระโดดยาง เป็นกิจกรรมช่วงพักเที่ยงยอดนิยมของผู้หญิงที่ทุกคนต้องเคยเล่นมาก่อน แต่ไม่ใช่มีแค่ผู้หญิงที่เล่นผู้ชายบางคนก็เล่นด้วย และบางคนกลับเล่นเก่งกว่าผู้หญิงเสียอีก

2. รางดินน้ำมัน

วันเด็ก

กิจกรรมยอดฮิตที่หลายคนช่วยกันสร้างสรรค์รางจากดินน้ำมัน กลายเป็นรางที่สุดจะครีเอท มีความยากง่ายในแต่ละจุด เป่าลูกกลม ๆ ไปให้ถึงเส้นชัยด้วยความเร็ว กิจกรรมนี้เท่าที่จำได้ทั้งผู้ชายผู้หญิงก็เล่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเล่นเสียมากกว่า

3. ทามาก็อด

วันเด็ก

เรียกได้ว่าเป็นของเล่นที่น่าตื่นเต้นมากในวัยเด็ก เพราะเหมือนได้เล่นกับสิ่งที่มีชีวิต ต้องอาบน้ำ ต้องป้อนข้าว ต้องดูแลเป็นอย่างดีไม่ใช้สัตว์เลี้ยงตาย

4. ลูกแก้ว

วันเด็ก

ผู้ชายคนไหนไม่เคยเล่นดีดลูกแก้วนี้เชยสุดๆ เพราะเป็นกิจกรรมสุดฮิตของผู้ชายเลยก็ว่าได้ มีทั้งจับกลุ่มกันสู้หรือสู้กันตัวต่อตัวก็แล้วแต่จำนวนผู้เล่น ใครชนะก็ยึดลูกแก้วอีกฝ่ายไป

5. ลูกโป่งวิทยาศาตร์

วันเด็ก

ตอนเด็กจำได้เลยว่าชอบซื้อมาเป่าเล่นมาก และเมื่อก่อนขายอันไม่กี่บาท ใครสามารถเป่าได้กลมสวยสุด ชนะ ! หรือไม่ก็เปล่าแล้วเอามาต่อๆกันให้เกิดเป็นรูปร่างก็สวยไปอีกแบบ

ของเล่นภูมิปัญญาไทย ของเล่นไทยพื้นบ้าน ทําเอง

       ของเล่นภูมิปัญญาไทย เป็นการประดิษฐ์ของเล่นขึ้นตามวัฒนธรรมประเพณี ค่านิยมและภูมิปัญญาไทย มีดังต่อไปนี้
ของเล่นภูมิปัญญาไทยปืนก้านกล้วย

1. ปืนก้านกล้วย เป็นการนำเอาก้านกล้วย หลังจากที่ผู้ใหญ่หั่นเอาใบกล้วยออก เพื่อนำไปใช้ในการห่ออาหาร ทำขนม หลังจากนั้นส่วนที่ทิ้งคือก้านกล้วย  ก็จะนำไปทำเป็นของเล่นให้กับเด็กๆได้วิ่งเล่น ได้สนุกสนาน และจะได้ไม่รบกวนผู้ใหญ่ทำงาน  เช่น การทำปืนก้านกล้วย  วิธีการทำปืนก้านกล้วยคือ การเฉือนตรงสันก้านกล้วยให้ยาวประมาณ 2 นิ้ว แล้วหักขึ้น ทำเป็นนกสับ  เพื่อปืนลั่นเป็นเสียงได้  ซึ่งจะทำนกสับหลายๆอัน เพื่อให้ยิงปืนได้หลายๆ นัด  วิธีการเล่นก็ไม่ยาก เพียงแค่ใช้ฝ่ามือแบแล้วปัดให้ส่วนที่หักขึ้นล้มลงไปแนบกับก้านกล้วย จะยิงให้หมดทุก หรือยิงครั้งละนัดก็ได้  จะเกิดเสียงดังแปล๊บๆๆ ราวกับปืนลั่น

ของเล่นภูมิปัญญาไทยปืนลูกคอม
2. ปืนลูกคอม ลูกคอมเป็นผลไม้ป่ายืนต้นชนิดหนึ่ง โดยผลจะสุก ก็จะตกอยู่ในฤดูเกี่ยวข้าวนาปี ผลสุกจะมีสีดำสามารถกินได้  วิธีการกินลูกคอมคือ เคี้ยวแล้วดูดกินน้ำหวาน รสชาติจะเปรี้ยวอมหวาน ส่วนลูกดิบ จะนำมาทำเป็นลูกกระสุนของปืนลูกคอม
     ขั้นตอนในการทำปืนลูกคอมคือ ตัดไม้ไผ่ลำเล็กๆ ลำประมาณหัวแม่มือ ให้มีรูข้างใน กว้างประมาณแท่งดินสอ ทำการตัดส่วนปลายปล้องไม้ไผ่ทิ้งและตัดส่วนต้นลำปล้อง ให้เหลือประมาณ 3 ข้อนิ้วมือ หลังจากนั้นทำการเหลาไม้ไผ่ เพื่อทำเป็นแส้ปืน สวมอัดกับส่วนต้นของลำปล้อง แล้วนำแส้ปืนไปเทียบกับปลายลำปล้อง โดยให้แส้ปืนสั้นกว่าปลายลำกล้องเท่ากับขนาดของลูกคอม

 วิธีการยิงปืนลูกคอม ทำการอัดลูกคอมลูกแรกเข้าไปในลำกล้อง แล้วใช้แส้ปืนดันลูกคอมให้ไปอยู่ส่วนปลายของลำกล้อง ทำการอัดลูกคอมที่ 2 เข้าไป แล้วใช้แส้ปืนดันลูกคอม  มันก็จะเกิดแรงดัน  หลังจากนั้นเราจะทำการกระแทกแส้ปืนแรงๆ มันก็จะดันลูกคอมส่วนปลายพุ่งไปยังเป้าที่เล็งไว้ เหมือนกับการยิงปืนและมีเสียงดังปั้ง

ของเล่นภูมิปัญญาไทย

 3. ปลาทางมะพร้าวและนาฬิกาทางมะพร้าว เป็นการประยุกต์ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและทักษะการจักสาน ในการทำของเล่นให้กับเด็กๆ  ทำให้เด็กได้เรียนรู้งานจักรสาน ที่มีลวดลายประยุกต์ ที่เหล่าบรรพบุรุษไทยสังเกตได้จากธรรมชาติเช่น การทำรังของนกกระจาบ การจักรสานสามารรถช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับสิ่งที่ประดิษฐิ์  การจักสานอยู่ในวิถีการดำรงชีวิต เพราะการจักสานเป็นพื้นฐานของการสร้างเครื่องมือทำมาหากินของคนยุคอดีตเช่น การสานไซดักปลา การสานกระด้ง  การสอนเด็กๆให้รู้วิธีการจักรสานเริ่มได้จากสิ่งง่ายๆ  ซึ่งพวกเขาสามารถทได้ด้วยตนเอง  แล้วจะทำให้เด็กๆสามารถต่อยอดไปหาสิ่งที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆ จนสามารถนำความรู้ไปใช้ สร้างเครื่องจักรสานสำหรับการดำเนินชีวิตได้

ของเล่นภูมิปัญญาไทย
4. การทำว่าว วิธีการทำว่าว เริ่มจากนำไม้ไผ่มาเหลาทำเป็นโครงว่าว ซึ่งโครงสร้างของว่าวจะทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปร่างคล้ายนก และที่นิยมกันมากสำหรับคนไทยคือ ว่าวรูปจุฬา หลังจากนั้นนำเชือกไหมเบ็ดหรือเชือกไนล่อนผูกโครงสร้างให้ติดกัน แล้วนำเชือกที่เหลือผูกเป็นเชือกสำหรับเชิด หลังจากนั้นนำหนังสือพิมพ์หรือกระดาษสำหรับทำว่าว มาติดทากาวแล้วนำไปติดกับโครงไม้ไผ่ หลังจากนั้นทำหางว่าวเพื่อการถ่วงดุล
       ประโยชน์ว่าวของเล่นนอก จากจะสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นของเล่นที่สามารถพัฒนาทักษะด้านร่างกาย เพราะสามารถสร้างความแข็งแรงจากการวิ่งเล่น และวิธีคิดเชิงระบบเป็น เพราะได้เรียนรู้ลำดับการทำงานจาการลงมือทำว่าว  ถึงว่าวจะไม่ใช่ของเล่นภูมิปัญญาไทย โดยกำเนิดแต่ ก็อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
5. การทำเลื่อยตัดไม้ (ของเล่น) วิธีการทำ นำฝาจีบสำหรับปิดฝาขวดน้ำอัดลมหรือขวดแก้วเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ทำการทุบด้วยฆ้อนให้แบนแล้วเจาะรู 2 รู โดยให้แต่ละรูห่างจากเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร หลังจากนั้นใช้เชือกไหมเบ็ดหรือไนลอนร้อยผ่านรูทั้ง 2 ให้ยาวประมาณ 1 ฟุต ทำการมัดหัวท้าย 
       วิธีการเล่น จับใบเลื่อย(ฝาจีบ)ให้อยูตรงกลางของเชือก แล้วทำการแกว่งเชือกให้เป็นเกลียว จากนั้นทำการดึงเชือกให้ตึงและปล่อยเชือกให้หดตัว สลับไปมา แล้วนำไปตัดปลายหญ้าอ่อน รับรองได้ว่าขาดได้โดยง่าย แต่ในระหว่างที่เด็กเล่นนั้น ควรแนะนำให้เด็กๆรู้ถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
      ประโยชน์จากการทำเลื่อยตัดไม้ของเล่น เป็นการฝึกทักษะการวางแผนให้แก่เด็ก ฝึกให้เด็กๆรู้จักการใช้เครื่องมือช่าง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถนำเอาอุปกรณ์เหลือใช้มาทำเป็นของเล่นได้
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
 6. หนังสติ๊กยิงเป้า วิธีทำ ค้นหาไม้สามง่ามที่อยู่ตามป่า ทำการเหลาด้านปลายของไม้สำหรับยึดกับยางสติ๊ก อีกด้านหนึ่งของยางสติ๊กผูกติดกับหนังเทียมสำหรับใส่ลูกหนังสติ๊ก
      วิธีการยิงหนังสติ๊ก หาก้อนหินขนาดพอเหมาะเท่าหัวแม่มือ ใส่เข้าไปในเบ้าของหนังเทียม แล้วใช้มือจับรวบกับก้อนหินไว้ ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับด้ามหนังสติ๊ก  จากนั้นยืดหนังสติ๊กให้ตึง ทำการเล็งหนังสติ๊กไปยังเป้าหมาย หลังจากนั้นปล่อยมือด้านที่จับหนังเทียม โดยจะไม่ปล่อยมือด้านที่จับด้ามหนังสติ๊กเอาไว้
     ปัจจุบันยังพอได้เห็นการใช้หนังสติ๊ก โดยเฉพาะชนบทที่ได้จัดกิจกรรมการอนุรักษ์ป่าไม้ ในท้องถิ่นของตนเองเช่น การส่งเสริมให้ใช้หนังสติกยิงลูกของต้นยางนาออกไปให้ไกลๆ เพื่อทำการขยายต้นไม้ในพื้นที่ป่าให้มากขึ้น
      ประโยชน์ของการทำหนังสติ๊กสำหรับเด็กเล่น ทำให้เด็กรู้จักการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รู้จักการวางแผน รู้จักการคาดคะเน การกะระยะ และเป็นการฝึกการใช้สมาธิ ให้จิตนิ่งหรือการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
  7.  การทำโทรศัพท์กระป๋อง วิธีทำ นำกระป๋องนมข้นหวานไปเจาะเปิดฝา ให้หลุดออกจากตัวกระป๋อง หลังจากนั้นทำการเจาะก้นกระป๋องโดยใช้ตะปูตอก ทำเหมือนกันให้ได้ 2 กระป๋อง แล้วหาเชือกไหมเบ็ดยาวประมาณ 3 เมตร ร้อยผ่านรูก้นกระป๋อง แล้วผูกปลายเชือกให้เป็นปม ป้องกันไม่ให้เชือกหลุดออกจากกระป๋อง
      วิธีการเล่นคล้ายๆ กับการรับ-ส่งโทรศัพท์  ใช้คนเล่น 2 คน โดยให้หนึ่งคนเป็นฝ่ายพูด และอีกคนเป็นฝ่ายรับ คนพูดจะพูดใส่กระป๋อง เพื่อให้เสียงผ่านสายไปยังคนรับ คนรับจะใช้กระป๋องครอบหู เพื่อฟังอีกฝ่ายหนึ่งพูด ในยุคอดีตการเรียนการสอนเรื่องเสียงตามสาย ยังได้รับความนิยมจากอาจารย์หรือคุณครู เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเข้าใจเรื่องเสียงตามสาย 
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
 8.  ของเล่นที่เกิดขึ้น จาการเกษตรและการเครื่องมือทำมาหากิน
       ในบางครั้ง ของเล่นภูมิปัญญาไทย ก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์เฉพาะการสร้างความสนุกสนานเท่านั้น ยังมีสิ่งประดิษฐิ์อื่นๆอีกมากมาย  ที่เป็นการถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของคนไทย การประดิษฐิ์คิดค้นเครื่องมือทำมาหากินบางอย่างในยุคอดีต สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด  ให้มีความทันสมัยกับสังคมโลกที่เปลี่ยนไปได้ การคิดของเล่นให้เด็กบางอย่างในอดีตมีหลักแนวคิดดี มีการสอดแทรกความรู้ และวิถีการดำรงชีพให้เด็กๆ  เพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะจำเป็นต่าง ก่อนที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่  เพราะเมื่อเด็กที่เติบโตขึ้นพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดในสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่ได้

      ตัวอย่างของเล่นของด็กในชนบท

     การทำเบ็ดตกปลา การนำไม้ไผ่ในป่ามาตัดเป็นท่อ แล้วทำการฝ่าไม้ออกเป็นซีกๆ หลังจากนั้นทำการเหลาเป็นคันเบ็ด ด้านปลายจะทำให้อ่อนๆ เพื่อลดแรงกระซากในขณะที่ปลากินเยื่อ เพราะหากปลาดึงเบ็ดแรงเกินไป จะทำให้ปลาหลุดได้ง่าย หลังจากนั้นใช้เชือกเบ็ดร้อยเบ็ด ผูกเงื่อนมัดเบ็ด หลังจากนั้นนำปลายเชือกอีกด้านหนึ่งไปผูกกับปลายคันเบ็ดที่ทำขึ้น
     ยังมีตัวอย่างของเล่นที่ควบคู่ไปกับการดำรงชีวิตสำหรับเด็กพื้นบ้าน เด็กบ้านนอกบ้านนา อีกมากมายเช่น การทำที่ดักหนูนา การทำไซ การทำแร้วดักนก แร้วดักหนูนา แร้วดักกระต่าย
       ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ของเล่นพื้นบ้านเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีของเล่นที่ใช้ในการประกอบอาชีพเช่น ไม้จับกังสำหรับการนวดข้าว  ไม้หาบต้นกล้า ซึ่งของเล่นเหล่านนี้เหมาะกับเด็กที่กำลังเจริญเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น จากพ่อ-แม่สู่ลูก จากลูกก็ถ่ายทอดไปสู่รุ่นถัดไป จึงทำให้ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี ของเล่นภูมิปัญญาไทย ต่างๆ ไม่หายไปจากสังคมไทย มีความมั่นคง มั่งคั่งและยังยืน

รู้จัก “PlanToys” แบรนด์ของเล่นจากไม้ยางพาราที่ให้เด็กๆ เล่นสนุกได้แบบรักษ์โลก

นับเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) แบรนด์ของเล่นไม้ฝีมือคนไทยได้เริ่มลงมือผลิตของเล่นชิ้นแรกขึ้นใต้แนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ของเล่นทั่วไป ณ เวลานั้น คือการผลิตของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเล่นสนุกได้โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ PlanToys เป็นมากกว่าแบรนด์ของเล่นทั่วไป “เล่นแบบรักษ์โลก”หากเปรียบเป็นตัวบุคคล ปีนี้ PlanToys เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ย้อนกลับไปในปี...
Read More

ปลุกความเป็นเด็กใน ‘Toy Story 4’

กลับมาสร้างความประทับใจกันอีกครั้ง สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง"Toy Story 4" กับการผจญภัยครั้งใหม่แกะกล่องของ "วู้ดดี้", "บัซ" และผองเพื่อนที่จะพาคุณกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แม้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้จะจับกลุ่มผู้ชมครอบครัวและเด็กเป็นหลัก แต่ความสำเร็จทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่า "Toy Story" ได้จับกลุ่มผู้ชมมากมายทั่วโลก ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุดระหว่างความผูกพันของ "วู้ดดี้" และ "แอนดี้"...
Read More

Toys “R” Us อาณาจักรของเล่นสำหรับเด็กทุกช่วงวัย

ขายของเล่น แต่ทอยส์ "อาร์" อัส (Toys "R" Us) คืออาณาจักรแห่งการเรียนรู้กึ่งสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กๆ ทุกช่วงวัย อัส (Toys "R" Us) ร้านขายของเล่นในสหรัฐอเมริกา มีสาขาตั้งอยู่ในยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกาและแคนาดา ทั้งในแบบแฟรนไชส์และไลเซนส์ ร้านสาขาใหญ่ในนครนิวยอร์กที่ตั้งอยู่บริเวณไทม์สแควร์...
Read More

พาย้อนวัยเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy

พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy Museum อยู่ใกล้บ้านแม่เตยมากกก​ เรียกได้ว่าผ่านเกือบทุกวันพึ่งมีโอกาสได้พาเด็กๆมาวิ่งเล่น​ นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์​รวบรวมของเล่นแล้วด้านในจะมีคาเฟ่​ และมินิสนามเด็กเล่น​ มุมถ่ายรูปเยอะ​ ถูกใจแม่แน่นอน ในส่วนของพิพิธภัณฑ์​ จะเปิดเฉพาะ​ เสาร​์อาทิตย์​ ก่อนไปยังไงเช็คก่อนนะคะ ชอบใจถูกใจโพสต์​ อย่าลืมกด like กด share ให้เพจแม่ไปไหนหนูไปด้วย​...
Read More

กลับจากล้มละลาย! Toys “R” Us คัมแบ็กยิ่งใหญ่ เปิดตัวปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา

หลังจากยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปี 2018 ล่าสุด Toys “R” Us แบรนด์ของเล่นขวัญใจเด็ก ๆ ก็ได้ฤกษ์หวนคืนสมรภูมิค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยทางค่ายเตรียมเปิดตัวแบบปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา ด้านห้าง Macy’s ก็ตอบรับกับการจับมือดังกล่าวด้วยการโชว์ยอดขายสินค้าหมวดของเล่นว่าเติบโตขึ้น 15 เท่าในไตรมาส 1...
Read More

Art Toy คืออะไรกันแน่ !?

Art toy คืออะไร มาจากไหน ? อาร์ตทอย หรือ ดีไซน์ทอย (Design Toy/ Designer Toy) ฝั่งเอเชียจะนิยมเรียกว่า “อาร์ตทอย” ฝั่งตะวันตกจะนิยมเรียกว่า “ดีไซน์เนอร์ทอย” แต่นิยามทั้งสองนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกันคือ “ของเล่นที่ศิลปินเป็นผู้ออกแบบและผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพื่อจำหน่ายหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น” อาร์ตทอย นั้นได้ถือกําเนิดในช่วง...
Read More

Toys R Us กลับมาแล้ว จะเริ่มเปิดขายของเล่นในสหรัฐวันเสาร์นี้

หลังจากประสบภาวะล้มละลายตั้งแต่ปี 2017 ร้าน Toys R Us ร้านขายของเด็กเล่นชื่อดังที่เคยเป็นร้านขายของเด็กเล่นที่ใหญ่ที่สุดมีสาขามากที่สุดในโลก ก็กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง และจะเริ่มเปิดสาขาแรกในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2019 นี้ (ตามเวลาในสหรัฐ) ร้าน Toys R Us ถาวรขนาดเล็ก 2...
Read More

ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นาน

"ของเล่น" เป็นสื่อที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และช่วยเรื่งความสนุกสนานอีกด้วย แต่อย่าเพิ่งซื้อของเล่นเด็กให้ลูก ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นานถ้าพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าของเล่นเด็กมีกี่แบบและแบบไหนเหมาะกับลูกเรา นี่คือ 5 ประเภทของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องรู้ เลือกได้ถูก เล่นได้นาน ไม่เปลืองเงินซื้อของเล่นบ่อยๆ ประเภทของของเล่นเด็ก ของเล่นที่ให้เด็กได้ออกแรง (Active...
Read More

สู่จักรวาล Toy Story อันไกลโพ้น! ที่มา 8 ของเล่นจากอนิเมชั่นที่หลายคนหลงรัก

Toy Story ถือว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เดินทางมาอย่างยาวนาน เพราะถ้านับช่วงเวลาตั้งแต่ภาค 1 ออกฉายจนถึงปีค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ชุดนี้ก็มีอายุอานาม 24 ปีแล้ว แถมในปีนี้ก็จะมีภาค 4 ออกมาให้ติดตามกันอีก โดยเรื่องราวของ Toy Story 4 นั้นเล่าถึง Woody, Buzz...
Read More

ลูกสาว-ลูกชาย เลือกของเล่นอย่างไรดี

การเล่น เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว การเล่นกับลูก จะช่วยเสริมสร้างทักษะและจินตนาการของลูกได้ พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ เช่น ชวนลูกเล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนหา พาไปสนามเด็กเล่น ฯลฯ การซื้อของเล่นให้ลูก ก็ช่วยฝึกพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นประสาทสัมผัส ได้เช่นกัน ของเล่นที่ดี ควรปลอดภัยจากสารพิษ ทนทาน...
Read More