Highlights

  • PlanToys คือบริษัทผลิตของเล่นไม้สัญชาติไทยที่ส่งต่อความสุขให้กับเด็กๆ ทั่วโลกมาแล้วกว่า 65 ประเทศในระยะเวลา 39 ปี โดยเลือกใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่ห่วงใยต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม
  • การทำงานของ PlanToys เน้นแนวคิดการทำของเล่นอย่างมีคุณภาพโดยไม่เอาเปรียบและเบียดเบียนใคร ไม่ว่าจะพนักงานด้วยกันเอง ลูกค้า สังคม หรือสิ่งแวดล้อม
  • สิ่งสำคัญคือระบบการทำงาน PlanToys จะเน้นความเป็นครอบครัวพี่น้องและตั้งเป้าเป็น happy organization มอบสวัสดิการช่วยเหลือพนักงาน เพื่อให้ความสุขกระจายตัวตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงเด็กๆ ที่จะได้เล่นของเล่น  

ถ้าให้มองหาแบรนด์สินค้าที่คิดถึงผู้บริโภคและโลกมากที่สุด เรานึกถึง PlanToys แบรนด์ของเล่นที่โดดเด่นในเรื่องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์พัฒนาการเด็ก และเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับทั้งคนและสิ่งแวดล้อม 

ไม่ว่าจะเป็นบ้านตุ๊กตาพร้อมเฟอร์นิเจอร์หลากรูปแบบ ชุดอาหารเช้า กล้องขนาดพกพา เครื่องดนตรี ของเล่นสารพัดอย่างที่ผ่านการดีไซน์ด้วยความใส่ใจเด็กทุกช่วงวัย ล้วนผลิตมาจากไม้ยางพาราที่หมดอายุการใช้งานแล้ว พร้อมสีที่ไม่มีสารตะกั่ว กาวที่ไม่มีสารก่อมะเร็ง และยังมีกระบวนการผลิตที่ห่วงใยทั้งคนทำงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ปลายทางได้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งต่อถึงมือเด็กๆ อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย 

ด้วยระยะเวลากว่า 39 ปีนับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาเริ่มเดินเครื่องการผลิตของเล่นไม้จนถึงตอนนี้ วิธีคิดและการทำงานร่วมกันแบบไหนที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ PlanToys ส่งต่อไปสร้างความสุขให้เด็กๆ ได้อยู่เสมอ

เราตามไปคุยกับ วิฑูรย์ วิระพรสวรรค์ ผู้ก่อตั้งบริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด, โกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ เกี่ยวกับแนวคิดการทำของเล่นของ PlanToys และตามไปดูเบื้องหลังการผลิตของเล่นไม้ที่จังหวัดตรัง พร้อมพูดคุยกับพนักงานผู้ร่วมสร้างผลิตภัณฑ์ความสุขให้กับเด็กๆ กัน   


“ทำของเล่นให้เด็กมีความสุข คนทำก็ต้องมีความสุข” – วิฑูรย์ วิระพรสวรรค์

People Management

จุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง PlanToys คืออะไร

เริ่มจากที่ผมอยู่ในกลุ่มแปลน เป็นกลุ่มของนิสิตจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และเพื่อนต่างมหา’ลัย ที่ก่อตั้งเมื่อ 45 ปีที่แล้ว เราเรียนจบแล้วก็มีความตั้งใจกันว่าจะตั้งบริษัททำงานด้านสถาปัตย์ แล้วนำเงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ หรือขบวนการทางสังคมที่ต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น 

แต่สักพักเราก็รู้สึกว่า ไม่ว่าจะมีวิธีคิดยังไงหรือจะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ วิธีคิดต้องผ่านการกระทำ การกระทำก็คือคนนั่นแหละ กลุ่มแปลนเลยคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงสังคมไม่น่าจะหวังจากคนที่เติบโตแล้วเพราะเขาถูกหล่อหลอมจากสังคมเก่าและคิดแบบนั้นตั้งแต่เด็ก ถ้าจะให้สังคมดีกว่าเดิมมันน่าจะเริ่มจากเด็กหรือเปล่า เราก็คุยกันว่าน่าจะมาทำเรื่องเด็ก ก็เลยเกิดเป็นธุรกิจขึ้นมา 3 อย่างคือ โรงเรียน สื่อสิ่งพิมพ์ และของเล่นซึ่งก็คือ PlanToys

แล้วเราก็ตั้งใจว่าเมื่อเราทำธุรกิจก็จะแบ่งรายได้ไปทำงานด้านสังคมด้วย นั่นหมายถึงว่าถ้าเรามีรายได้ 100 เราจะแบ่งครึ่งหนึ่งไว้บริษัทเพื่อพัฒนางานต่อไป อีกครึ่งหนึ่งเราจะแบ่งเป็นสามส่วน คือ หนึ่ง ให้พนักงาน สอง ให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งก็จะได้ปริมาณเท่ากับพนักงานเลย ถือว่าคนหนึ่งลงทรัพย์ คนหนึ่งลงแรง ส่วนที่สามก็คือทำเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม

ตอนนั้นความตั้งใจในการทำของเล่นให้เด็กคืออะไร

PlanToys อยากเป็นตัวช่วยทำสื่อหรือของเล่นเพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างสมวัย นั่นหมายถึงเราให้นักพัฒนาการเด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบร่วมกับดีไซเนอร์ ยุคนั้นของเล่นเพื่อการศึกษามีน้อยมาก ไม่ว่าในไทยหรือต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะมีรูปทรง รูปแบบแนว traditional เราเลยพยายามใช้การออกแบบมาพัฒนาของเล่นเพื่อการศึกษา สร้างความสนใจให้เด็กมากขึ้น 

แล้วเราก็มีหลักการว่าการทำธุรกิจจะใช้แนวคิด 3 อย่างคือ sustainable material วัสดุทดแทนกันได้, sustainable manufacturing และ sustainable mind

เราไม่ได้ทำธุรกิจอะไรก็ได้ เราทำโปรดักต์ เป็นธุรกิจที่เด็กได้รับการพัฒนาให้พร้อมที่จะมีชีวิตอยู่ในโลก การมีชีวิตอยู่ในโลกได้เด็กก็ต้องเข้าใจตัวเอง คือรู้จักตน รู้ว่าตัวเองมีสกิลอะไร มีความคิดยังไง รู้จักโลกด้วย โลกข้างนอกมันเป็นยังไง ก็คือเอาชุดความคิดไปเข้าใจโลกที่มันเป็นจริง 

ดังนั้น sustainable mind หมายถึงเราทำของเล่นดีๆ เน้นพัฒนาการของเด็ก ไม่ทำของเล่นที่เป็นเนกาทีฟ เช่น ปืน ดาบ ของเล่นประเภทรบราฆ่าฟัน รถถังเราไม่มี แต่เรามีรถเก็บขยะ (หัวเราะ) 

แล้วทำไมของเล่น PlanToys ถึงต้องห่วงใยสิ่งแวดล้อม

เราเป็นบริษัททำธุรกิจ ทำมาหากิน ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่ตอนเริ่มต้นก็มาคุยกันว่าแล้วธุรกิจแบบไหนล่ะที่เราจะทำ พอดีช่วงที่เป็นนักศึกษากับช่วงเริ่มทำงานด้านสถาปัตย์เรารู้สึกว่าสังคมมีคนเอาเปรียบ เบียดบังสิ่งแวดล้อม เราก็ไม่อยากทำธุรกิจแบบนั้น เราไปว่าเขาไว้เยอะ ถ้าจะทำเองมันก็อาย (หัวเราะ)

เราเลยคิดว่าถ้าอยากทำธุรกิจดีๆ วิธีทำธุรกิจก็ต้องดีด้วย ก็มาตีโจทย์คำว่าดีของเรา นั่นคือหนึ่ง ไม่เอาเปรียบ เพราะเราไม่ชอบให้คนเอาเปรียบ เราก็จะไม่เอาเปรียบใคร ทั้งพนักงานของเราเอง คู่ค้า และสังคม สอง ไม่เบียดเบียน เพราะเราไม่ชอบให้คนเบียดเบียน ไม่ว่าจะกับคนด้วยกันเอง กับสัตว์ หรือกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นเราเลยเอาสองอย่างนี้มาแปลงเป็นการทำงาน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จหรือมีเช็กลิสต์ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่อยากให้กระบวนการมันครอบคลุมวิธีคิดและการทำธุรกิจของเราทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำของเล่นจากไม้ยางพาราหมดอายุ ใช้สีที่เป็น water-based ไม่มีสารตะกั่ว ใช้กาวที่ไม่มีสาร formaldehyde ที่เป็นสารก่อมะเร็ง เอาเศษไม้ที่ไม่ใช้ไปทำเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดก็เริ่มจากความคิดที่ว่าเราไม่อยากเบียดเบียนตัวเองและพนักงานก่อนนั่นแหละ

อย่างผมต้องเดินเข้าไปในโรงงานประจำ เจอฝุ่นเจอขี้เลื่อยในโรงงานเยอะ เราเลยติดตั้งเครื่องดูดฝุ่น ปรากฏว่าเสียค่าไฟ 40 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุนสูงมาก ไม่ไหว แล้วจะทำยังไง พวกฝุ่นมันเอาไปทำอะไรได้อีกบ้างไหม เราเลยคิดเอามาพัฒนาด้วยการผสมกับสีออร์แกนิก อัดด้วยความร้อนจนออกมาเป็นของเล่น แล้วเราก็เอาไปขาย ใช้ชื่อว่า PlanWood นี่มันก็มาจากความขี้เหนียวของเรา (หัวเราะ) 

ดังนั้นทั้งหมดที่เราทำเพราะอยากจะทำและไม่อยากเจอเรื่องที่ไม่ชอบ เราไม่ได้คิดแปลกกว่าชาวบ้าน เราทำเพราะคิดว่านี่น่าจะดีกับตัวเรา ดีกับพนักงาน ที่ต้องเดินในโรงงานทุกวัน พอถึงวันหนึ่งที่โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน มีคนบอกว่าสิ่งที่เราทำมันได้ประโยชน์กับโลกด้วย เราก็โอเค ถ้าโลกจะเอาไปเราก็ไม่ว่า (หัวเราะ) 

คุณส่งต่อวิธีคิดสองอย่างนี้กับพนักงานยังไงจนทำให้โรงงานของคุณเป็น sustainable manufacturing

หลักๆ เวลาพูดเรื่องงานกับพนักงานผมไม่ค่อยพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม sustain อะไรขนาดนั้น แต่จะพูดถึงเรื่องงานในชีวิตประจำวันที่ต้องทำให้มันดี ปลอดภัย เขาเรียกว่าสุขชีวอนามัยจากตัวเรา ทำยังไงเราถึงจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำอยู่  

แล้วก็เอาสองแนวคิดที่ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน มาส่งต่อผ่านสองทาง ทางแรกคือทำเป็นระเบียบของบริษัท เราจะมี procedure ในการทำงานของแต่ละตำแหน่ง อย่างเช่นทีมออกแบบจะมีเรื่องการผลิตที่เป็นความปลอดภัยของเด็ก การไม่ใช้วัสดุที่เป็นอันตราย เรื่องของความเป็นธรรม ทางที่สองคือผ่านชีวิตประจำวัน โดยการเป็นแบบอย่างหรือการชักชวนกันทำ เช่น การงดใช้พลาสติก โฟม เราพยายามไม่ใช้ของที่มีปัญหาสำหรับสิ่งแวดล้อม อย่างแต่ก่อนเด็กชอบไปซื้อน้ำขวดมาดื่มกัน PlanToys เลยทำระบบน้ำกรองสะอาดมาบริการพนักงาน ไม่มีขวดมาเติมเราก็ซื้อกระบอกให้คนละอัน กรอกน้ำไปกินที่บ้านได้เลย

แค่นี้เราก็ภูมิใจในสิ่งที่เราทำแล้วนะ เราบอกพนักงานตลอดว่าเวลาทำเรื่องดีๆ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะชื่นชมหรือเปล่า แต่เราต้องชื่นชมตัวเราเอง เราจะได้มีกำลังใจ ไม่ต้องไปโทษคนอื่นว่าไม่ทำ มีแต่เราทำ คือเราอาจจะไม่ได้เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลก แต่เราพยายามทำเรื่องดีๆ ให้มากเข้าไว้ 

ทามาก็อตจิ ของเล่นที่ครองใจทั้งเด็กยุคใหม่และวัยใสยุค 90

ได้เวลาฟักไข่
ทามาก็อตจิฟักออกมาเป็นตัวเป็นตนได้จากความร่วมมือ 3 ส่วนใหญ่ ที่ประกอบด้วยคน 2 คนอย่างอากิ ไมตะ (Aki Maita) กับอากิฮิโระ โยโกอิ (Akihiro Yokoi) และอีก 1 บริษัทผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Bandai ที่กำลังประสบความสำเร็จในต่างแดนอย่างมาก ไอเดียแรกเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่โยโกอิได้ดูโฆษณาในโทรทัศน์ที่มีเนื้อหากล่าวถึงลูกที่โดนแม่ดุเพียงเพราะอยากพาเต่าของตนไปทะเลด้วย จนทำให้เกิดคำถามในใจว่าจะดีแค่ไหนกันหากเราสามารถพกสัตว์เลี้ยงไปทุกที่ได้ ผนวกกับอีกเรื่องราวของไมตะ ที่ต้องการจะสร้างอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจถึงความรู้สึกของการได้ดูแลสัตว์เลี้ยง จากความขมขื่นในวัยเด็กของตัวเองที่อยากจะเลี้ยงสัตว์แต่ไม่ได้รับอนุญาต 

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้เองทำให้ในที่สุดทามาก็อตจิก็ได้ฟักตัวออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉม แม้จะมีทฤษฎีมากมายพูดถึงที่มาของชื่อ “ทามาก็อตจิ” (Tamagotchi) บ้างว่า เป็นการผสมคำญี่ปุ่นระหว่าง Tomodachi (เพื่อน) กับ Tamago (ไข่) และบ้างก็ว่าช่วงท้ายของคำนั้นมาจากคำว่า Uotchi ในความหมายของการดูแล แต่แท้จริงแล้ว คำว่าทามาก็อตจินั้นมาจากคำว่า Tamago และ Uotchi ที่แปลความหมายว่านาฬิกา ตามรูปแบบดีไซน์แรกที่โยโกอิคิดเอาไว้ต่างหาก ทามาก็อตจิวางขายในตลาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1996 โดยมีดีไซน์เป็นรูปไข่ พร้อมกับปุ่มกดเพียง 3 ปุ่มที่จะใช้คุมเกมทั้งเครื่องและสายคล้องให้มีลักษณะเหมือนพวงกุญแจ โดยก่อนหน้าที่จะวางขายก็ได้ทำการแจกจ่ายให้หนุ่มสาวในย่านชิบูย่ากว่า 200 คนได้ทดลองเล่นและศึกษาปฏิกิริยาของผู้เล่นอีกด้วย

กล่องของทามาก็อตจิรุ่นแรกที่วางจำหน่ายปี 1996 นั้นระบุไว้ว่า “ทามาก็อตจิคือสัตว์เลี้ยงจากไซเบอร์สเปซ ที่ต้องการความรักจากคุณในการอยู่รอดและเติบโต ถ้าคุณดูแลทามาก็อตจิของคุณดี มันก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น สุขภาพดีขึ้นและสวยขึ้นในทุก ๆ วัน แต่หากคุณละเลยสัตว์ไซเบอร์ตัวเล็กของคุณแล้ว ทามาก็อตจิของคุณก็อาจจะโตมาดุร้ายหรือน่าเกลียดได้” ด้วยวงจรชีวิตประมาณ 12-20 วันนี้เอง ชีวิตทั้งหมดของทามาก็อตจิจึงอยู่ในมือของเจ้าของ 100% และเจ้าของจะต้องคอยฟังเสียง “บี๊บ” ที่เกิดขึ้นเพื่อคอยเช็กดูว่าสัตว์เลี้ยงของเราต้องการอะไรในช่วงการเติบโตบ้าง อาจจะเป็นการป้อนข้าว อาบน้ำ ทำความสะอาดห้อง รวมถึงการเล่นและการสอนสั่งจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันชั่วนิรันดร์ 

ตัวของทามาก็อตจิเองยังสร้างตำนานบทใหม่ไว้ให้แก่วงการเกมหลากหลายอย่าง อาทิ การเป็นผู้บุกเบิกรูปแบบของเกมที่จะมีชีวิตในโลกของมันต่อไปไม่มีหยุดชั่วคราวแม้ในขณะที่ผู้เล่นจะกดปิดเครื่อง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากในยุคนั้น หรือการเป็นหนึ่งในเกมแรก ๆ ที่เบลอเส้นแบ่งระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกของความจริง ในรูปแบบของความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) ระลอกแรก ที่สำคัญที่สุดคือการเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมแรก ๆ อีกเช่นกันที่มีการตลาดเจาะจงสำหรับเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ 

Adam Crowley ศาสตราจาย์ ณ มหาวิทยาลัยฮัสสัน เล่าถึงแผงวางขายเกมในสมัยนั้นว่า ในขณะที่คอนโซลต่าง ๆ วางอยู่บนชั้นสำหรับเด็กผู้ชาย แต่ทามาก็อตจิกลับเข้ามาเพื่อสวนกระแสและท้าทายความเป็นชายที่ท่วมท้นวงการวิดีโอเกมในยุคนั้น “ทามาก็อตจิได้เตรียมการเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนผู้ซึ่งถูกละเลยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในอุตสาหรรมวิดีโอเกม” เขากล่าว อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สะท้อนให้เห็นภาพสังคมในสมัยนั้นที่ยังคงผลิตซ้ำภาพจำเรื่องของบทบาททางเพศ ราวกับว่าผู้หญิงจะสามารถเล่นวิดีโอเกมได้ก็ต่อเมื่อสวมบทบาทเป็นผู้ดูแลเท่านั้น นอกจากนี้แล้วความผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงไซเบอร์ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่อย่าง “Tamagotchi Effect” ซึ่งหมายถึงพัฒนาการความผูกพันทางอารมณ์ที่มนุษย์มีต่อเครื่องจักร หุ่นยนต์ หรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ อีกด้วย

สู่กระแสตอบรับที่เกินคาด
หลังจากทามาก็อตจิวางขายในตลาดญี่ปุ่นประมาณครึ่งปี เจ้าเครื่องเล่นนี้ก็ได้โบยบินไปอยู่บนแผงเกมในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และได้ครองใจคนทุกเพศทุกวัยอย่างที่ไม่เคยคาดคิด “หลังจากทามาก็อตจิเปิดตัวในปี 1996 มันก็ไม่ได้เป็นเพียงของเล่นแฟชั่น แต่มันคือปรากฏการณ์ทางสังคม” โนบุฮิโกะ โมโมอิ (Nobuhiko Momoi) กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของทามาก็อตจิกล่าว 

ในช่วงครึ่งปีแรกของการวางขายในตลาดญี่ปุ่น ทามาก็อตจิมียอดขายกว่า 5 ล้านชิ้น และฮ็อตหนักถึงขั้นเคยมีการเข้าคิวรอซื้อข้ามคืนกันมาแล้ว ในขณะที่ยอดขายรวมจนถึงปี 2021 นั้นก็ทะลุ 83 ล้านชิ้นไปแล้ว บริษัทผู้ผลิตอย่าง Bandai ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ว่า เนื่องจากเกมนี้ดึงดูดสัญชาตญาณการเลี้ยงดูของมนุษย์ ซึ่งในที่นี้ก็คือการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดิจิทัล และการคอยเฝ้าดูพัฒนาการ การเติบโต รวมถึงระวังไม่ให้มันตาย สิ่งนี้เองที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกถึงการมีความรับผิดชอบและพวกเขาก็ยอมรับมันด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่สุด อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้ก็อาจเกี่ยวข้องกับราคาที่ไม่แพงเท่าเครื่องเล่นอื่น ๆ ในสมัยนั้นด้วย

ถึงกระนั้นความฮิตอย่างกว้างขวางนี้ก็อาจมีบางมิติที่เป็นปัญหา เพราะความหลงใหลผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงดิจิทัลแสนรัก รวมถึงความต่อเนื่องของตัวเกมส่งผลให้เด็ก ๆ หลายคนไม่อาจละสายตาไปจากทามาก็อตจิได้แม้กระทั่งในเวลาเรียนหรือมื้อเย็นก็ตาม จนนิตยสารข่าว Germany’s Spiegel เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการโจมตีทางดิจิทัลต่อจิตวิญญาณของหนุ่มสาวเลยทีเดียว ในบางครั้งทามาก็อตจิจึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในคลาสเรียน กลายมาเป็นภาระของพ่อแม่และความรับผิดชอบของครูที่ต้องแบกรับความเสี่ยงไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเด็ก ๆ ต้องเกมโอเวอร์ไปในตอนท้ายของวัน จนขนาดที่ว่ามีอาชีพใหม่ ๆ อย่างการรับจ้างเลี้ยงทามาก็อตจิเกิดขึ้นในยุคนั้นเลยทีเดียว 

ทามาก็อตจิยังได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของ ‘การจากลา’ ที่อาจเป็นประสบการณ์เกี่ยวกับความตายแรก ๆ ของผู้เล่นที่เป็นเด็ก โดยเฉพาะเมื่อความตายนั้นไม่ได้เกิดจากอายุขัย แต่เป็นเพราะความละเลยของเจ้าของ และอารมณ์ที่กระทบจิตใจเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่เป็นที่อภิรมย์สำหรับผู้ปกครองนัก ภาพตอนจบของทามาก็อตจิที่ขายในสหรัฐอเมริกาจึงมีการปรับให้ “หวานแหวว” มากขึ้น โดยเปลี่ยนจากภาพหลุมฝังศพที่ปรากฏบนจอหลังจากสัตว์เลี้ยงดิจิทัลตาย มาเป็นเทวดาแห่งความตาย ไม่ก็ UFO ตัวน้อยแสนน่ารักที่มาเพื่อรับเจ้าทามาก็อตจิกลับดาวเคราะห์บ้านเกิด การจากลาครั้งนี้ยังมีการสร้างอนุสรณ์รำลึกทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ อย่างเช่น ในปี 1996 ที่สุสานสัตว์เลี้ยงที่พอนท์สมิลล์ได้เปิดพื้นที่เฉพาะสำหรับการฝังสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่แรก และได้กระแสตอบรับล้นหลามจากทั่วโลก ทั้งจากสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

ไม่เคยหายไป 
แม้กระแสของทามาก็อตจิจะเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งด้วยการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี และความโหยหาชีวิตในอดีตจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่านี่คือการกลับมาที่แท้จริง เพราะสำหรับกลุ่มคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างเหนียวแน่นนั้นแล้ว ทามาก็อตจิไม่เคยหายไปจากแผงสินค้า จากใจ หรือจากชีวิตของพวกเขาเลย ชมรมคนรักทามาก็อตจิอย่าง Tamatalk ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และมีสมาชิกกว่า 96,000 คนแล้ว เด็กหลายคนที่เติบโตมากับของเล่นอันจิ๋วนี้ยังได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีทุนทรัพย์มากพอสำหรับงานอดิเรกอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือการสะสมทามาก็อตจิรูปแบบต่าง ๆ ราเชล ลิว (Rachel Liew) หนึ่งในนักสะสมทามาก็อตจิกว่า 100 เครื่องยังมองเห็นโอกาสที่ไกลกว่านั้น เธอได้เปิดเว็บไซต์สำหรับให้มือใหม่ได้เข้ามาโหลดคู่มือศึกษาการเล่นทามาก็อตจิ และได้เปิดจำหน่ายเคสใส่ทามาก็อตจิลายน่ารัก ๆ ที่เธอถักเองควบคู่กันไป รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้ประดับตกแต่งอุปกรณ์จิ๋วของตนเองให้ไม่เหมือนใครเช่นกัน

แต่กระแสที่คงอยู่ได้ก็ไม่ได้มาจากฝั่งสาวกทางเดียว เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Bandai เองก็ได้มีการปล่อยทามาก็อตจิรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ รวมถึงมีการคอลแล็บกับตัวการ์ตูนอื่น ๆ เช่น โปเกม่อนหรือซานริโอ้ เป็นต้น ตัวเกมยังพัฒนาฟีเจอร์และรูปลักษณ์ใหม่ ๆ หลากหน้าหลายตา จนเด็ก ๆ ยุค 90 อาจต้องประหลาดใจ ทั้งการเปลี่ยนจอจากพิกเซลขาวดำเป็นสีสันสดใส หรือการเชื่อมต่อให้สัตว์เลี้ยงไซเบอร์ของตนเองและเพื่อนได้มีโอกาสเจอะเจอกัน รวมถึงการสร้างแอปฯให้เราสามารถเลี้ยงสัตว์ไซเบอร์ได้ในโทรศัพท์มือถือของเราอีกด้วย 

2 รุ่นใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
Tamagotchi Pix – ทามาก็อตจิรุ่นใหม่ที่ทำมาเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ มีจุดเด่นนอกจากเกมและตัวละครทามาก็อตจิที่เพิ่มขึ้นคือตัวอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น ปุ่มทัชสกรีน และมีกล้องถ่ายรูป เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้เก็บภาพความทรงจำระหว่างตนเองกับทามาก็อตจิอย่างจุใจก่อนจะต้องส่งน้องกลับดาว

Tamagotchi Smart – ทามาก็อตจิรุ่นฉลองครบรอบ 25 ปี หวนคืนสู่รูปแบบไอเดียแรกเริ่มที่จะสร้างอุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนนาฬิกา เพื่อให้แน่ใจว่าเหล่าผู้เลี้ยงจะไม่ปล่อยทามาก็อตจิไว้ลำพัง หน้าจอของทามาก็อตจิสมาร์ตยังเป็นแบบทัชสกรีน ใช้ลูบหัวแตะตัวน้องได้ทุกเวลา และยังสามารถใช้คำสั่งเสียงพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงได้ เพิ่มความสนิทสนมแนบแน่นมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง “TamaSma Card” อุปกรณ์คล้ายแฟลชไดร์ฟที่นำพาฟีเจอร์สนุก ๆ เพิ่มเติมทั้งไอเท็ม ของตกแต่ง เกม ตัวละคร และฉากหลังสวย ๆ เข้ามาสู่ทามาก็อตจิของเราเพียงแค่เสียบและดาวน์โหลด

ย้อนอดีต !! ของเล่นของสะสมสุดฮิตในวัยเด็ก

1. ยาง

วันเด็ก

การกระโดดยาง เป็นกิจกรรมช่วงพักเที่ยงยอดนิยมของผู้หญิงที่ทุกคนต้องเคยเล่นมาก่อน แต่ไม่ใช่มีแค่ผู้หญิงที่เล่นผู้ชายบางคนก็เล่นด้วย และบางคนกลับเล่นเก่งกว่าผู้หญิงเสียอีก

2. รางดินน้ำมัน

วันเด็ก

กิจกรรมยอดฮิตที่หลายคนช่วยกันสร้างสรรค์รางจากดินน้ำมัน กลายเป็นรางที่สุดจะครีเอท มีความยากง่ายในแต่ละจุด เป่าลูกกลม ๆ ไปให้ถึงเส้นชัยด้วยความเร็ว กิจกรรมนี้เท่าที่จำได้ทั้งผู้ชายผู้หญิงก็เล่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเล่นเสียมากกว่า

3. ทามาก็อด

วันเด็ก

เรียกได้ว่าเป็นของเล่นที่น่าตื่นเต้นมากในวัยเด็ก เพราะเหมือนได้เล่นกับสิ่งที่มีชีวิต ต้องอาบน้ำ ต้องป้อนข้าว ต้องดูแลเป็นอย่างดีไม่ใช้สัตว์เลี้ยงตาย

4. ลูกแก้ว

วันเด็ก

ผู้ชายคนไหนไม่เคยเล่นดีดลูกแก้วนี้เชยสุดๆ เพราะเป็นกิจกรรมสุดฮิตของผู้ชายเลยก็ว่าได้ มีทั้งจับกลุ่มกันสู้หรือสู้กันตัวต่อตัวก็แล้วแต่จำนวนผู้เล่น ใครชนะก็ยึดลูกแก้วอีกฝ่ายไป

5. ลูกโป่งวิทยาศาตร์

วันเด็ก

ตอนเด็กจำได้เลยว่าชอบซื้อมาเป่าเล่นมาก และเมื่อก่อนขายอันไม่กี่บาท ใครสามารถเป่าได้กลมสวยสุด ชนะ ! หรือไม่ก็เปล่าแล้วเอามาต่อๆกันให้เกิดเป็นรูปร่างก็สวยไปอีกแบบ

ของเล่นภูมิปัญญาไทย ของเล่นไทยพื้นบ้าน ทําเอง

       ของเล่นภูมิปัญญาไทย เป็นการประดิษฐ์ของเล่นขึ้นตามวัฒนธรรมประเพณี ค่านิยมและภูมิปัญญาไทย มีดังต่อไปนี้
ของเล่นภูมิปัญญาไทยปืนก้านกล้วย

1. ปืนก้านกล้วย เป็นการนำเอาก้านกล้วย หลังจากที่ผู้ใหญ่หั่นเอาใบกล้วยออก เพื่อนำไปใช้ในการห่ออาหาร ทำขนม หลังจากนั้นส่วนที่ทิ้งคือก้านกล้วย  ก็จะนำไปทำเป็นของเล่นให้กับเด็กๆได้วิ่งเล่น ได้สนุกสนาน และจะได้ไม่รบกวนผู้ใหญ่ทำงาน  เช่น การทำปืนก้านกล้วย  วิธีการทำปืนก้านกล้วยคือ การเฉือนตรงสันก้านกล้วยให้ยาวประมาณ 2 นิ้ว แล้วหักขึ้น ทำเป็นนกสับ  เพื่อปืนลั่นเป็นเสียงได้  ซึ่งจะทำนกสับหลายๆอัน เพื่อให้ยิงปืนได้หลายๆ นัด  วิธีการเล่นก็ไม่ยาก เพียงแค่ใช้ฝ่ามือแบแล้วปัดให้ส่วนที่หักขึ้นล้มลงไปแนบกับก้านกล้วย จะยิงให้หมดทุก หรือยิงครั้งละนัดก็ได้  จะเกิดเสียงดังแปล๊บๆๆ ราวกับปืนลั่น

ของเล่นภูมิปัญญาไทยปืนลูกคอม
2. ปืนลูกคอม ลูกคอมเป็นผลไม้ป่ายืนต้นชนิดหนึ่ง โดยผลจะสุก ก็จะตกอยู่ในฤดูเกี่ยวข้าวนาปี ผลสุกจะมีสีดำสามารถกินได้  วิธีการกินลูกคอมคือ เคี้ยวแล้วดูดกินน้ำหวาน รสชาติจะเปรี้ยวอมหวาน ส่วนลูกดิบ จะนำมาทำเป็นลูกกระสุนของปืนลูกคอม
     ขั้นตอนในการทำปืนลูกคอมคือ ตัดไม้ไผ่ลำเล็กๆ ลำประมาณหัวแม่มือ ให้มีรูข้างใน กว้างประมาณแท่งดินสอ ทำการตัดส่วนปลายปล้องไม้ไผ่ทิ้งและตัดส่วนต้นลำปล้อง ให้เหลือประมาณ 3 ข้อนิ้วมือ หลังจากนั้นทำการเหลาไม้ไผ่ เพื่อทำเป็นแส้ปืน สวมอัดกับส่วนต้นของลำปล้อง แล้วนำแส้ปืนไปเทียบกับปลายลำปล้อง โดยให้แส้ปืนสั้นกว่าปลายลำกล้องเท่ากับขนาดของลูกคอม

 วิธีการยิงปืนลูกคอม ทำการอัดลูกคอมลูกแรกเข้าไปในลำกล้อง แล้วใช้แส้ปืนดันลูกคอมให้ไปอยู่ส่วนปลายของลำกล้อง ทำการอัดลูกคอมที่ 2 เข้าไป แล้วใช้แส้ปืนดันลูกคอม  มันก็จะเกิดแรงดัน  หลังจากนั้นเราจะทำการกระแทกแส้ปืนแรงๆ มันก็จะดันลูกคอมส่วนปลายพุ่งไปยังเป้าที่เล็งไว้ เหมือนกับการยิงปืนและมีเสียงดังปั้ง

ของเล่นภูมิปัญญาไทย

 3. ปลาทางมะพร้าวและนาฬิกาทางมะพร้าว เป็นการประยุกต์ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและทักษะการจักสาน ในการทำของเล่นให้กับเด็กๆ  ทำให้เด็กได้เรียนรู้งานจักรสาน ที่มีลวดลายประยุกต์ ที่เหล่าบรรพบุรุษไทยสังเกตได้จากธรรมชาติเช่น การทำรังของนกกระจาบ การจักรสานสามารรถช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับสิ่งที่ประดิษฐิ์  การจักสานอยู่ในวิถีการดำรงชีวิต เพราะการจักสานเป็นพื้นฐานของการสร้างเครื่องมือทำมาหากินของคนยุคอดีตเช่น การสานไซดักปลา การสานกระด้ง  การสอนเด็กๆให้รู้วิธีการจักรสานเริ่มได้จากสิ่งง่ายๆ  ซึ่งพวกเขาสามารถทได้ด้วยตนเอง  แล้วจะทำให้เด็กๆสามารถต่อยอดไปหาสิ่งที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆ จนสามารถนำความรู้ไปใช้ สร้างเครื่องจักรสานสำหรับการดำเนินชีวิตได้

ของเล่นภูมิปัญญาไทย
4. การทำว่าว วิธีการทำว่าว เริ่มจากนำไม้ไผ่มาเหลาทำเป็นโครงว่าว ซึ่งโครงสร้างของว่าวจะทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปร่างคล้ายนก และที่นิยมกันมากสำหรับคนไทยคือ ว่าวรูปจุฬา หลังจากนั้นนำเชือกไหมเบ็ดหรือเชือกไนล่อนผูกโครงสร้างให้ติดกัน แล้วนำเชือกที่เหลือผูกเป็นเชือกสำหรับเชิด หลังจากนั้นนำหนังสือพิมพ์หรือกระดาษสำหรับทำว่าว มาติดทากาวแล้วนำไปติดกับโครงไม้ไผ่ หลังจากนั้นทำหางว่าวเพื่อการถ่วงดุล
       ประโยชน์ว่าวของเล่นนอก จากจะสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นของเล่นที่สามารถพัฒนาทักษะด้านร่างกาย เพราะสามารถสร้างความแข็งแรงจากการวิ่งเล่น และวิธีคิดเชิงระบบเป็น เพราะได้เรียนรู้ลำดับการทำงานจาการลงมือทำว่าว  ถึงว่าวจะไม่ใช่ของเล่นภูมิปัญญาไทย โดยกำเนิดแต่ ก็อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
5. การทำเลื่อยตัดไม้ (ของเล่น) วิธีการทำ นำฝาจีบสำหรับปิดฝาขวดน้ำอัดลมหรือขวดแก้วเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ทำการทุบด้วยฆ้อนให้แบนแล้วเจาะรู 2 รู โดยให้แต่ละรูห่างจากเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร หลังจากนั้นใช้เชือกไหมเบ็ดหรือไนลอนร้อยผ่านรูทั้ง 2 ให้ยาวประมาณ 1 ฟุต ทำการมัดหัวท้าย 
       วิธีการเล่น จับใบเลื่อย(ฝาจีบ)ให้อยูตรงกลางของเชือก แล้วทำการแกว่งเชือกให้เป็นเกลียว จากนั้นทำการดึงเชือกให้ตึงและปล่อยเชือกให้หดตัว สลับไปมา แล้วนำไปตัดปลายหญ้าอ่อน รับรองได้ว่าขาดได้โดยง่าย แต่ในระหว่างที่เด็กเล่นนั้น ควรแนะนำให้เด็กๆรู้ถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
      ประโยชน์จากการทำเลื่อยตัดไม้ของเล่น เป็นการฝึกทักษะการวางแผนให้แก่เด็ก ฝึกให้เด็กๆรู้จักการใช้เครื่องมือช่าง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถนำเอาอุปกรณ์เหลือใช้มาทำเป็นของเล่นได้
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
 6. หนังสติ๊กยิงเป้า วิธีทำ ค้นหาไม้สามง่ามที่อยู่ตามป่า ทำการเหลาด้านปลายของไม้สำหรับยึดกับยางสติ๊ก อีกด้านหนึ่งของยางสติ๊กผูกติดกับหนังเทียมสำหรับใส่ลูกหนังสติ๊ก
      วิธีการยิงหนังสติ๊ก หาก้อนหินขนาดพอเหมาะเท่าหัวแม่มือ ใส่เข้าไปในเบ้าของหนังเทียม แล้วใช้มือจับรวบกับก้อนหินไว้ ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับด้ามหนังสติ๊ก  จากนั้นยืดหนังสติ๊กให้ตึง ทำการเล็งหนังสติ๊กไปยังเป้าหมาย หลังจากนั้นปล่อยมือด้านที่จับหนังเทียม โดยจะไม่ปล่อยมือด้านที่จับด้ามหนังสติ๊กเอาไว้
     ปัจจุบันยังพอได้เห็นการใช้หนังสติ๊ก โดยเฉพาะชนบทที่ได้จัดกิจกรรมการอนุรักษ์ป่าไม้ ในท้องถิ่นของตนเองเช่น การส่งเสริมให้ใช้หนังสติกยิงลูกของต้นยางนาออกไปให้ไกลๆ เพื่อทำการขยายต้นไม้ในพื้นที่ป่าให้มากขึ้น
      ประโยชน์ของการทำหนังสติ๊กสำหรับเด็กเล่น ทำให้เด็กรู้จักการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รู้จักการวางแผน รู้จักการคาดคะเน การกะระยะ และเป็นการฝึกการใช้สมาธิ ให้จิตนิ่งหรือการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
  7.  การทำโทรศัพท์กระป๋อง วิธีทำ นำกระป๋องนมข้นหวานไปเจาะเปิดฝา ให้หลุดออกจากตัวกระป๋อง หลังจากนั้นทำการเจาะก้นกระป๋องโดยใช้ตะปูตอก ทำเหมือนกันให้ได้ 2 กระป๋อง แล้วหาเชือกไหมเบ็ดยาวประมาณ 3 เมตร ร้อยผ่านรูก้นกระป๋อง แล้วผูกปลายเชือกให้เป็นปม ป้องกันไม่ให้เชือกหลุดออกจากกระป๋อง
      วิธีการเล่นคล้ายๆ กับการรับ-ส่งโทรศัพท์  ใช้คนเล่น 2 คน โดยให้หนึ่งคนเป็นฝ่ายพูด และอีกคนเป็นฝ่ายรับ คนพูดจะพูดใส่กระป๋อง เพื่อให้เสียงผ่านสายไปยังคนรับ คนรับจะใช้กระป๋องครอบหู เพื่อฟังอีกฝ่ายหนึ่งพูด ในยุคอดีตการเรียนการสอนเรื่องเสียงตามสาย ยังได้รับความนิยมจากอาจารย์หรือคุณครู เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเข้าใจเรื่องเสียงตามสาย 
ของเล่นภูมิปัญญาไทย
 8.  ของเล่นที่เกิดขึ้น จาการเกษตรและการเครื่องมือทำมาหากิน
       ในบางครั้ง ของเล่นภูมิปัญญาไทย ก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์เฉพาะการสร้างความสนุกสนานเท่านั้น ยังมีสิ่งประดิษฐิ์อื่นๆอีกมากมาย  ที่เป็นการถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของคนไทย การประดิษฐิ์คิดค้นเครื่องมือทำมาหากินบางอย่างในยุคอดีต สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด  ให้มีความทันสมัยกับสังคมโลกที่เปลี่ยนไปได้ การคิดของเล่นให้เด็กบางอย่างในอดีตมีหลักแนวคิดดี มีการสอดแทรกความรู้ และวิถีการดำรงชีพให้เด็กๆ  เพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะจำเป็นต่าง ก่อนที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่  เพราะเมื่อเด็กที่เติบโตขึ้นพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดในสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่ได้

      ตัวอย่างของเล่นของด็กในชนบท

     การทำเบ็ดตกปลา การนำไม้ไผ่ในป่ามาตัดเป็นท่อ แล้วทำการฝ่าไม้ออกเป็นซีกๆ หลังจากนั้นทำการเหลาเป็นคันเบ็ด ด้านปลายจะทำให้อ่อนๆ เพื่อลดแรงกระซากในขณะที่ปลากินเยื่อ เพราะหากปลาดึงเบ็ดแรงเกินไป จะทำให้ปลาหลุดได้ง่าย หลังจากนั้นใช้เชือกเบ็ดร้อยเบ็ด ผูกเงื่อนมัดเบ็ด หลังจากนั้นนำปลายเชือกอีกด้านหนึ่งไปผูกกับปลายคันเบ็ดที่ทำขึ้น
     ยังมีตัวอย่างของเล่นที่ควบคู่ไปกับการดำรงชีวิตสำหรับเด็กพื้นบ้าน เด็กบ้านนอกบ้านนา อีกมากมายเช่น การทำที่ดักหนูนา การทำไซ การทำแร้วดักนก แร้วดักหนูนา แร้วดักกระต่าย
       ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ของเล่นพื้นบ้านเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีของเล่นที่ใช้ในการประกอบอาชีพเช่น ไม้จับกังสำหรับการนวดข้าว  ไม้หาบต้นกล้า ซึ่งของเล่นเหล่านนี้เหมาะกับเด็กที่กำลังเจริญเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น จากพ่อ-แม่สู่ลูก จากลูกก็ถ่ายทอดไปสู่รุ่นถัดไป จึงทำให้ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี ของเล่นภูมิปัญญาไทย ต่างๆ ไม่หายไปจากสังคมไทย มีความมั่นคง มั่งคั่งและยังยืน

ของเล่นยุค90 ที่เราจะไม่พูดถึง ไม่ได้เลยก็คง ลูกโป่งวิทยาศาสตร์

ของสะสม ยุค 90

ถ้าพูดถึง ของเล่น90 ที่เราจะไม่พูดถึง ไม่ได้เลยก็คง หนีไม่พ้นกับ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ ที่เราเชื่อว่า เป็นของเล่นยอดฮิต ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน ที่เราจะมีเพียงหลอดเล็ก ๆ หนึ่งอันไว้ใช้ สำหรับในการเป่า และก็จะมีหลอด ที่บรรจุสารชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เรา สามารถเป่าออกมา ให้เป็นลูกโป่งได้

แต่เมื่อยุคสมัย ที่เปลี่ยนไปทำให้ เราได้รู้ว่า ลูกโป่งชนิดนี้ มีสารบางชนิด ที่ค่อนข้างเป็นอันตราย กับร่างกายของเรา จึงทำให้การผลิต ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ค่อย ๆ หายไปในปัจจุบัน แต่ในสมัยนี้ ที่เทคโนโลยี มีความก้าวหน้าที่ มากยิ่งขึ้นก็

ได้มีการผลิต ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ ขึ้นมาอีกครั้ง แถมครั้งนี้เรา สามารถกินมันได้ด้วย ถือว่าเป็นข่าวดี สำหรับเราที่ เป็นเด็กของยุค 90 แบบเรามากเลยค่ะ ถ้าใครคิดถึง ก็ไปลองหาซื้อ มาเล่นให้หายคิดถึง

รู้จัก “PlanToys” แบรนด์ของเล่นจากไม้ยางพาราที่ให้เด็กๆ เล่นสนุกได้แบบรักษ์โลก

นับเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) แบรนด์ของเล่นไม้ฝีมือคนไทยได้เริ่มลงมือผลิตของเล่นชิ้นแรกขึ้นใต้แนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ของเล่นทั่วไป ณ เวลานั้น คือการผลิตของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเล่นสนุกได้โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ PlanToys เป็นมากกว่าแบรนด์ของเล่นทั่วไป “เล่นแบบรักษ์โลก”หากเปรียบเป็นตัวบุคคล ปีนี้ PlanToys เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ย้อนกลับไปในปี...
Read More

ปลุกความเป็นเด็กใน ‘Toy Story 4’

กลับมาสร้างความประทับใจกันอีกครั้ง สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง"Toy Story 4" กับการผจญภัยครั้งใหม่แกะกล่องของ "วู้ดดี้", "บัซ" และผองเพื่อนที่จะพาคุณกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แม้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้จะจับกลุ่มผู้ชมครอบครัวและเด็กเป็นหลัก แต่ความสำเร็จทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่า "Toy Story" ได้จับกลุ่มผู้ชมมากมายทั่วโลก ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุดระหว่างความผูกพันของ "วู้ดดี้" และ "แอนดี้"...
Read More

Toys “R” Us อาณาจักรของเล่นสำหรับเด็กทุกช่วงวัย

ขายของเล่น แต่ทอยส์ "อาร์" อัส (Toys "R" Us) คืออาณาจักรแห่งการเรียนรู้กึ่งสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กๆ ทุกช่วงวัย อัส (Toys "R" Us) ร้านขายของเล่นในสหรัฐอเมริกา มีสาขาตั้งอยู่ในยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกาและแคนาดา ทั้งในแบบแฟรนไชส์และไลเซนส์ ร้านสาขาใหญ่ในนครนิวยอร์กที่ตั้งอยู่บริเวณไทม์สแควร์...
Read More

พาย้อนวัยเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy

พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy Museum อยู่ใกล้บ้านแม่เตยมากกก​ เรียกได้ว่าผ่านเกือบทุกวันพึ่งมีโอกาสได้พาเด็กๆมาวิ่งเล่น​ นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์​รวบรวมของเล่นแล้วด้านในจะมีคาเฟ่​ และมินิสนามเด็กเล่น​ มุมถ่ายรูปเยอะ​ ถูกใจแม่แน่นอน ในส่วนของพิพิธภัณฑ์​ จะเปิดเฉพาะ​ เสาร​์อาทิตย์​ ก่อนไปยังไงเช็คก่อนนะคะ ชอบใจถูกใจโพสต์​ อย่าลืมกด like กด share ให้เพจแม่ไปไหนหนูไปด้วย​...
Read More

กลับจากล้มละลาย! Toys “R” Us คัมแบ็กยิ่งใหญ่ เปิดตัวปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา

หลังจากยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปี 2018 ล่าสุด Toys “R” Us แบรนด์ของเล่นขวัญใจเด็ก ๆ ก็ได้ฤกษ์หวนคืนสมรภูมิค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยทางค่ายเตรียมเปิดตัวแบบปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา ด้านห้าง Macy’s ก็ตอบรับกับการจับมือดังกล่าวด้วยการโชว์ยอดขายสินค้าหมวดของเล่นว่าเติบโตขึ้น 15 เท่าในไตรมาส 1...
Read More

Art Toy คืออะไรกันแน่ !?

Art toy คืออะไร มาจากไหน ? อาร์ตทอย หรือ ดีไซน์ทอย (Design Toy/ Designer Toy) ฝั่งเอเชียจะนิยมเรียกว่า “อาร์ตทอย” ฝั่งตะวันตกจะนิยมเรียกว่า “ดีไซน์เนอร์ทอย” แต่นิยามทั้งสองนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกันคือ “ของเล่นที่ศิลปินเป็นผู้ออกแบบและผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพื่อจำหน่ายหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น” อาร์ตทอย นั้นได้ถือกําเนิดในช่วง...
Read More

Toys R Us กลับมาแล้ว จะเริ่มเปิดขายของเล่นในสหรัฐวันเสาร์นี้

หลังจากประสบภาวะล้มละลายตั้งแต่ปี 2017 ร้าน Toys R Us ร้านขายของเด็กเล่นชื่อดังที่เคยเป็นร้านขายของเด็กเล่นที่ใหญ่ที่สุดมีสาขามากที่สุดในโลก ก็กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง และจะเริ่มเปิดสาขาแรกในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2019 นี้ (ตามเวลาในสหรัฐ) ร้าน Toys R Us ถาวรขนาดเล็ก 2...
Read More

ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นาน

"ของเล่น" เป็นสื่อที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และช่วยเรื่งความสนุกสนานอีกด้วย แต่อย่าเพิ่งซื้อของเล่นเด็กให้ลูก ของเล่นเด็ก 5 ประเภท เลือกของเล่นให้ลูก เลือกให้ถูก เล่นได้นานถ้าพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าของเล่นเด็กมีกี่แบบและแบบไหนเหมาะกับลูกเรา นี่คือ 5 ประเภทของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องรู้ เลือกได้ถูก เล่นได้นาน ไม่เปลืองเงินซื้อของเล่นบ่อยๆ ประเภทของของเล่นเด็ก ของเล่นที่ให้เด็กได้ออกแรง (Active...
Read More

สู่จักรวาล Toy Story อันไกลโพ้น! ที่มา 8 ของเล่นจากอนิเมชั่นที่หลายคนหลงรัก

Toy Story ถือว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เดินทางมาอย่างยาวนาน เพราะถ้านับช่วงเวลาตั้งแต่ภาค 1 ออกฉายจนถึงปีค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ชุดนี้ก็มีอายุอานาม 24 ปีแล้ว แถมในปีนี้ก็จะมีภาค 4 ออกมาให้ติดตามกันอีก โดยเรื่องราวของ Toy Story 4 นั้นเล่าถึง Woody, Buzz...
Read More

ลูกสาว-ลูกชาย เลือกของเล่นอย่างไรดี

การเล่น เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับสิ่งรอบตัว การเล่นกับลูก จะช่วยเสริมสร้างทักษะและจินตนาการของลูกได้ พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ เช่น ชวนลูกเล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนหา พาไปสนามเด็กเล่น ฯลฯ การซื้อของเล่นให้ลูก ก็ช่วยฝึกพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นประสาทสัมผัส ได้เช่นกัน ของเล่นที่ดี ควรปลอดภัยจากสารพิษ ทนทาน...
Read More